คุยข่มซะเลย! “ยิ่งลักษณ์” เสียดายชาวหนองคาย ไม่ได้รถไฟความเร็วสูง ชี้ ถ้าเกิดจริง ปท.พัฒนาไปไกล อาศัยช่วง “บิ๊กป้อม” บุกถิ่นเพื่อไทย “ไชยันต์” แนะ “บิ๊กตู่” ดู “ป๋าเปรม” ตัวอย่าง “หมอวรงค์” ชี้ สูตรหาร 100 อันตราย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ส.ค. 65) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ภาพ และข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ระบุว่า
“หนองคาย นอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างหลวงพ่อพระใส ที่ควรค่าแก่การสักการะกราบไหว้ ยังมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่งดงาม อาทิ การทอผ้าฝ้ายที่มีลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ผ้าผืนนี้ ที่กลุ่มแม่บ้านอำเภอผ้าของอำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ส่งมาให้ แม้จะอยู่ไกลแต่ก็สามารถรับรู้ความรัก ความห่วงใยจากพี่น้องชาวหนองคายได้จากผ้าผืนนี้ค่ะ
ดิฉันมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนหนองคายหลายครั้ง ทำให้เห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง อย่างด้านการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย มีวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ มีอากาศที่ปลอดโปร่ง และเหมาะแก่การพักผ่อน ขณะที่การคมนาคมก็สะดวก และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรถไฟความเร็วสูงกำลังพาดผ่าน ถือเป็น “ประตูมังกร” ที่จะเชื่อมไทยไปสู่ตลาดจีนที่มีกำลังซื้อสูง มีมูลค่าทางค้าระหว่างไทย-จีน รวมในปัจจุบัน กว่า 800,000 ล้านบาท พอนึกทีไรก็อดเสียดายโอกาสแทนพี่น้องชาวหนองคายไม่ได้ หากวันนั้นโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง “สร้างอนาคตไทย 2020” ได้มีโอกาสเกิดขึ้นจริง วันนี้ประเทศไทยคงพัฒนาไปได้ไกลกว่าวันนี้ค่ะ”
อย่างไรก็ตาม วันนี้เช่นกัน ที่ลานตรงข้าม ชิค ชิค มาร์เก็ต จ.หนองคาย พรรคพลังประชารัฐจัดงานพลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีมรัฐมนตรี แกนนำ และ ส.ส.พรรค พปชร.อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมปราศรัยถึงผลงานของพรรคและรัฐบาล พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หนองคายพรรค พปชร. ประกอบด้วย นายศักดิ์ดา จันทรสุวรรณ เขต 3 น.ส.ปภาสิริ ศรีตะบุตร เขต 2 และ นายกระแสร์ ตระกูลพรพงษ์ เขต 1
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนเริ่มงาน ว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น.ประชาชนทยอยเดินทางเข้างาน โดยสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินแขนยาว ด้านสกรีนโลโก้พรรค ด้านหลังสกรีน คำว่า “ไม่แล้ง ไม่จน สร้างคน สร้างงาน พลังประชารัฐ” ตามสโลแกนงาน เพื่อฟังการปราศรัยของ พล.อ.ประวิตร ถึงผลงานการบริหารจัดการน้ำตามนโยบายรัฐบาล
ขณะที่ นายสุริยะ จะพูดคุยกับประชาชนถึงยุคทองอุตสาหกรรมภาคอีสาน เชื่อมโยงอีอีซี ขณะที่นายชัยวุฒิ จะพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลก้าวทันโลกออนไลน์ รวมทั้ง นายอนุชา ทั้งนี้ ในงานมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานพรรค โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ การจัดการที่ดินทำกิน (จากสยามรัฐออนไลน์)
ขณะเดียวกัน ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงกรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า
“- ป๋าเปรมเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ถึง พ.ศ. 2531 นักวิชาการ 99 คน เข้าชื่อกันในนาม “ฎีกา 99” ป๋ายังรับฟังและยุติบทบาททางการเมือง
- ป๋าเปรมยังฟังเสียงนักวิชาการ 99 คน เมื่อปี 2531 ลุงตู่ควรฟัง 99 ปัญญาชน ชนชั้นนำ ขณะนี้ ด้วยครับ
- เรากำลังคิดกันว่า ถ้าผู้นำดี ก็ให้อยู่ไปได้โดยไม่มีวาระ ใช่ไหมครับ ?
- รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี จะตีความอย่างไรไม่สำคัญเท่าลุงกำหนดตัวเอง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Warong Dechgitvigrom ระบุว่า
“พรรคเพื่อไทยโดยหัวหน้าพรรค ออกมาพูดเรื่องการไม่เข้าร่วมองค์ประชุม ในวาระพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เพราะต้องการให้สูตรหาร 500 ตก และต้องการหาร 100 คืนชีพ
โดยให้เหตุผลว่า การไปเป็นนั่งร้านทำกฎหมายให้เผด็จการกับการไม่เป็นองค์ประชุมเพื่อต่อสู้ยับยั้งกฎหมายของเผด็จการอันไหนดีกว่ากัน เราเลือกการต่อสู้เพื่อล้มกฎหมายเผด็จการ
ผมถึงบอกว่า พรรคนี้ ไร้สาระตั้งแต่หัวหน้าพรรคยันเจ้าของพรรค สภาโหวตเสียงข้างมากให้ไปหาร 500 ฝ่ายตนเองบอก เป็นกฎหมายเผด็จการ แต่ถ้าออกมาหาร 100 จึงถือว่า เป็นประชาธิปไตย
ผมจึงอยากเตือน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. การที่เขาออกมา ดิ้นแล้วดิ้นอีก ถ้าพวกท่านอ่านเกมไม่ออก ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะถ้าท่านเดินในเกมที่พรรคเพื่อไทยต้องการ แม้ลุงคนหนึ่ง อาจจะได้เป็นนายก แต่ก็เป็นเพียงในระยะเวลาสั้นๆ เพราะอายุก็มากแล้ว
ที่สำคัญ ในระยะยาว เขาเอาลูกสาวเขามาเป็นนายกฯแน่ๆ เพราะกติกาการหาร 100 เป็นเกมที่พวกเขาถนัด ใช้เงินทำงานได้ง่าย จะยิ่งกว่าเผด็จการทุนสามานย์คืนชีพ แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร”
แน่นอน, เห็นได้ชัดว่า การเมืองไทยกำลังร้อนระอุจากหลายประเด็นรุมเร้า และล้วนมีผลกระทบต่อคนไทยทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นเกมต่อสู้ทางการเมืองระหว่าง กลุ่มอำนาจปัจจุบัน ผ่านพรรคพลังประชารัฐ กับกลุ่มอำนาจเก่าผ่านพรรคเพื่อไทย ที่ต่างก็ไม่ยอมเสียเปรียบตั้งแต่กติกาการเลือกตั้ง ที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ ไปจนถึงการหาเสียงในพื้นที่
อย่างกรณี “ยิ่งลักษณ์” ยกนโยบาย “รถไฟฟ้าความเร็วสูง” ในยุคตัวเอง (ที่ผลักดันไม่สำเร็จ) ขึ้นมาคุยข่ม ก็เพราะรู้ว่า “บิ๊กป้อม” นำทัพ ลงพื้นที่ จ.หนองคาย นั่นเอง
เรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ครบ 8 ปีหรือไม่ ก็ถือเป็นจุดเป็นจุดตาย ด่านสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่หรือไป ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสิน
แต่ที่ ศ.ดร.ไชยันต์ เสนอก็คือ ดู “ป๋าเปรม” เป็นตัวอย่าง ที่รับฟังเสียงนักวิชาการ ปัญญาชน ยอมหยุดเอง “พอแล้ว” ไม่ต้องรอให้ใครตีความ
เรื่องสูตรหาร 100 หรือ หาร 500 ที่ยังเล่นเกมกันอยู่ในสภา เพราะหวังผลชนะถล่มทลาย หรือ แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะที่อีกฝ่ายก็พยายามสกัดกั้นอย่างเต็มที่ นี่คือ สิ่งที่ประชาชนคนไทยเริ่ม “เบื่อหน่าย” พฤติกรรม ส.ส., ส.ว.ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า เห็นหัวประชาชนมากขึ้นทุกวัน
ทั้งสามเรื่องลองคิดดูว่า พวกท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง หรือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
