บางส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ของยูเครน "ได้รับความเสียหายร้ายแรง" จากการโจมตีทางทหาร ที่ส่งผลให้ต้องปิดปฏิบัติการเตาปฏิกรณ์ตัวหนึ่ง ตามการเปิดเผยของผู้ดูแลโรงไฟฟ้าแห่งนี้ในวันเสาร์ (6 ส.ค.) เบื้องต้นยังคงมีความเสี่ยงสารกัมมันตรังสีรั่วไหล ในขณะที่ เคียฟและมอสโก ต่างกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่าย
เหตุโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ทางภาคใต้ของยูเครน โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยุโรป ก่อความเสียหายร้ายแรงแก่สถานีควบคุมไนโตรเจนและออกซิเจน และอาคารสนับสนุนหลังหนึ่ง ทาง Energoatom เปิดเผยผ่านเทเลแกรม
ยูเครนและรัสเซียต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายสำหรับการโจมตีครั้งนี้
Energoatom ระบุว่า การโจมตีก่อความเสียหายแก่สายเคเบิลไฟฟ้า ทำให้เตาปฏิกรณ์ตัวหนึ่งต้องหยุดปฏิบัติการ และยังมีความเสี่ยงของไฮโดรเจนและสารกัมมันตรังสีรั่วไหล ความเสี่ยงไฟไหม้ก็สูงเช่นกัน "การยิงปืนใหญ่ก่อความเสี่ยงร้ายแรงต่อความปลอดภัยทางปฏิบัติการของโรงไฟฟ้า"
ทหารรัสเซียบุกยึดโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย มาตั้งแต่วันแรกๆ ที่พวกเขาเปิดฉากรุกรานและเคียฟกล่าวหาว่าพวกเขาใช้ที่นั่นจัดเก็บอาวุธหนัก ส่วนมอสโกกล่าวหากองกำลังยูเครนเล็งเป้าโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้
สหภาพยุโรปในวันเสาร์ (6 ส.ค.) ประณามรัสเซียต่อเหตุโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซเซียโดนโจมตี "อียูขอประณามความเคลื่อนไหวของทหารรัสเซียแถวๆ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย" โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของอียูเขียนบนทวิตเตอร์
"นี่คือการละเมิดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์อย่างร้ายแรงและแบบไร้ความรับผิดชอบ และเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียไม่สนใจบรรทัดฐานระหว่างประเทศ" บอร์เรลล์ กล่าว
บอร์เรล ยืนยันว่าทบวงปรมาณูสากล ซึ่งเป็นองค์กรเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ควรได้รับการเปิดทางเข้าถึงโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าว
ทบวงปรมาณูสากลแสดงความกังวลเช่นกันในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (6 ส.ค.) "การโจมตีซ้ำเติมความวิตก ต่อรายงานต่างๆ อันยาวเหยียดที่น่าเป็นกังวลอยู่แล้วก่อนหน้านี้" กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงปรมาณูสากล กล่าว
"มันตอกย้ำว่ามีความเสี่ยงอย่างแท้จริงต่อหายนะทางนิวเคลียร์ที่อาจคุกคามสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมของยูเครน หรือมากกว่านั้น" เขากล่าว "ปฏิบัติการทางทหารที่ก่ออันตรายต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของโรงงาน เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิงและจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะกรณีใดๆ"
ทบวงปรมาณูสากล พยายามมานานหลายสัปดาห์ในการส่งคณะทำงานเข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้าแห่งนี้ แต่จนถึงตอนนี้ยูเครนยังคงปฏิเสธความพยายามดังกล่าว โดยอ้างว่ามันจะทำให้การบุกยึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้ของรัสเซีย กลายเป็นสิ่งชอบธรรมในสายตาประชาคมโลก
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุในวันศุกร์ (5 ส.ค.) ว่า "การโจมตีใดๆ ต่อสถานที่แห่งนี้เป็นอาชญากรรมที่น่าอดสู และเป็นก่อการร้าย" ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนเสริมว่า "ผลลัพธ์ของการโจมตีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ เทียบเท่ากับเป็นการใช้ระเบิดปรมาณู"
(ที่มา : เอเอฟพี)