xs
xsm
sm
md
lg

สรุปงานเปิดตัว iPhone 14 พร้อม Apple Watch 8 / SE / Ultra และ AirPods Pro 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



แอปเปิล (Apple) จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงเดือนกันยายน (September Event) ในรอบนี้ด้วยธีมหลักคือ Far Out โดยนอกจากการเปิดตัว iPhone 14 พร้อมกับนาฬิกา Apple Watch Ultra และ AirPods Pro 2

รอบนี้ยังมีความน่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ประเทศไทยขึ้นเป็น Tier 1 อย่างสมบูรณ์ในการวางจำหน่าย iPhone 14 พร้อมกับอีกมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทำให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าของ iPhone 14 ได้ในวันที่ 16 กันยายนนี้

เปิดราคา iPhone 14 / 14 Pro ไทยพร้อมขาย 16 ก.ย. ขึ้น Tier 1 ได้ใช้พร้อมทั่วโลก

จับเครื่องจริง iPhone 14 / iPhone 14 Pro สีใหม่ จอ Dynamic Island

***iPhone 14 Pro / 14 Pro Max กับการแจ้งเตือนรูปแบบใหม่


ความน่าสนใจของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max คือมากับการจัดการพื้นที่หน้าจอบริเวณกล้องหน้ารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Dynamic Island’ ที่สามารถปรับเปลี่ยนขนาด รูปแบบให้เข้ากับการแสดงผล การแจ้งเตือนเวลาใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ

โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับ iOS 16 ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอล็อกได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอปพลิเคชัน สามารถดึงความสามารถของ Dynamic Island ออกมาแสดงผลในรูปแบบต่างๆ

พร้อมกับพัฒนาหน้าจอให้ดีขึ้น ด้วยการเลือกใช้หน้าจอแบบ Super Ratina XDR แบบ Pro Motion ที่ใช้หน้าจอแบบ LTPO ทำให้สามารถปรับอัตราการแสดงผลได้ตั้งแต่ 1-120 Hz รองรับหน้าจอติดตลอดเวลา (Always-On Display) ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุด 2000 nits

ถัดมาในส่วนของกล้องหลักเพิ่มความละเอียดเป็น 48 ล้านพิกเซล ให้เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำงานร่วมกับชิปเซ็ตใหม่ A16 Bionic ที่เร็วที่สุดในกลุ่มสมาร์ทโฟนเวลานี้ เมื่อทำงานร่วมกับเลนส์มุมกว้าง และเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซลทั้งคู่ ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดได้ชัดมากขึ้น

ทั้งนี้ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มาด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย ดำ Space Black เงิน Silver ทอง Gold และ ม่วง Deep Purple วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 999 เหรียญ (41,900 บาท)

***iPhone 14 และ iPhone 14 Plus


สำหรับ iPhone 14 หน้าจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Plus หน้าจอ 6.7 นิ้ว มากับชิปเซ็ต A15 Bionic รุ่นที่ใช้งาน 5 คอร์ GPU 6 คอร์ CPU ทำให้ประมวลผลได้แรงกว่า iPhone 13 รุ่นเดิม พร้อมเพิ่มชิปช่วยประมวลผลภาพ (Image Signal Processor)

โดยมีการอัปเกรดกล้องหลักให้เป็น 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1.9 um กันสั่น OIS f/1.5 ช่วยให้เก็บแสงได้มากขึ้น 49% ส่วนกล้องหน้า 12 MP TrueDepth มาพร้อมออโต้โฟกัส ทำให้สามารถถ่ายภาพได้เร็วขึ้น และเก็บแสงได้มากขึ้น มีการนำเทคโนโลยี Photonic Engine ช่วยให้เก็บรายละเอียดภาพได้มากขึ้นทั้งกล้องหน้า 2 เท่า เลนส์มุมกว้าง 2 เท่า และเลนส์หลัก 2.5 เท่า


ในแง่ของการเชื่อมต่อ iPhone 14 รุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ จะไม่มีถาดใส่ซิมแล้ว โดยหันไปใช้งานผ่าน eSIM ทั้งหมด พร้อมเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Emergency SOS Sattlite (ให้บริการในสหรัฐฯ และแคนาดา พ.ย.นี้) พร้อมกับการแจ้งเตือนอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นเดียวกับใน Apple Watch 8

iPhone 14 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ประกอบด้วย สีมิดไนท์ สตาร์ทไลท์ น้ำเงิน ม่วง และแดง วางจำหน่ายในราคา 799 เหรียญ (32,900 บาท) สำหรับรุ่น iPhone 14 และ 899 เหรียญ (37,900 บาท) สำหรับ iPhone 14 Plus โดย iPhone 14 จะวางจำหน่ายก่อนในวันที่ 16 ก.ย. ส่วน 14 Plus วางจำหน่าย 7 ต.ค.

***จัดเต็ม Apple Watch 3 รุ่นใหม่


Apple Watch Series 8 เพิ่มความสามารถในการตรวจวัดสุขภาพที่ละเอียดขึ้น จากการนำเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิมาใช้งาน เพื่อให้สามารถตรวจจับอุณหภูมิร่างกายในเวลานอนได้ เมื่อนำไปประกอบกับการข้อมูลการใช้ชีวิตจะช่วยให้รับรู้ถึงสุขภาพ ที่ครอบคลุมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิ รวมถึงรอบเดือนของผู้หญิง

แอปเปิล ย้ำว่า ข้อมูลสุขภาพทั้งหมดจะถูกเข้ารหัส และเก็บไว้ในฐานข้อมูล iCloud ของผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งแอปเปิลไม่สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานได้ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของ Apple เสมอมา

พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์ในการตรวจจับอุบัติเหตุรถยนต์ ด้วยการนำเซ็นเซอร์ Barometer มาทำงานร่วมกับไมโครโฟน และ GPS เพื่อใช้แจ้งเตือนให้บุคคในครอบครัว ขณะเดียวกัน ได้เพิ่ม Low Power Mode ให้เพิ่มระยะเวลาใช้งานสูงถึง 36 ชั่วโมง รองรับตั้งแต่ Watch 4 ใน watchOS 9

Apple Watch Series 8 วางจำหน่ายด้วยกัน 4 สีหลักในตัวเรือนอะลูมิเนียม คือ ดำ ทอง เงิน และแดง พร้อมกับตัวเรือนไทเทเนียม สีเงิน ทอง และเทา เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายนนี้ ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท

นอกจากนี้ ยังเปิดตัว Apple Watch SE รุ่นที่ 2 ที่มีความสามารถหลักๆ ในการตรวจจับการออกกำลัง แบ่งโซนอัตราการเต้นของหัวใจ การแจ้งเตือนหัวใจเต้นแรงผิดปกติ รวมถึงการแจ้งเตือนอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นเดียวกับใน Watch 8

ทั้งนี้ Watch SE 2 มาใน 3 สี ด้วยกันคือ เงิน ทอง และดำ ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นกว่า Watch 3 30% และเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% วางจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายนนี้เช่นเดียวกัน ในราคา 9,900 บาท


Apple Watch Ultra 49 มม. เข้ามาเสริมในกลุ่มผู้ใช้งานที่เน้นการทำกิจกรรมแบบเอาต์ดอร์ อย่างการวิ่งเทรล หรือมาราธอน ด้วยตัวเรือนที่แข็งแรงขึ้นจากเคสไทเทเนียม สามารถใช้ใส่ดำน้ำลึกได้ รองรับกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น

ใช้งานบนแบตเตอรี่ได้นานต่อเนื่องถึง 36 ชั่วโมง และสามารถยืดระยะเวลาใช้งานได้ถึง 60 ชั่วโมง ภายหลังการอัปเดตในช่วงปลายปีนี้ พร้อมกับอัปเดตให้ GPS มีความแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลการออกกำลังที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังการอัปเดต watchOS 9 ในช่วงปลายปีนี้ ในราคา 799 เหรียญ (31,900 บาท)

***AirPods Pro 2 ตัดเสียงรบกวนดีขึ้น


ขณะเดียวกัน แอปเปิลได้อัปเกรดหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนที่ได้รับการตอบรับที่ดีที่สุดในโลกอย่าง AirPods Pro ด้วย AirPods Pro 2 นำชิปเสียงใหม่ H2 มาใช้งาน ช่วยให้ตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้น 2 เท่า มีระบบ Personalized Spatial Audio มาช่วยปรับแต่งเสียงเฉพาะบุคคล ปรับปรุงก้านหูฟังให้รองรับการสั่งงานด้วยการสัมผัสเพื่อเพิ่มลดเสียงได้

แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง รวมกับเคสชาร์จได้ทั้งหมด 30 ชั่วโมง ตัวเคสรองรับ Find My สามารถใช้ในการค้นหาหูฟังได้ และตัวเคสยังสามารถใช้งานร่วมกับที่ชาร์จไร้สาย MagSafe ได้ด้วย วางจำหน่ายในราคา 249 เหรียญ (8,990 บาท) วันที่ 23 กันยายนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น