xs
xsm
sm
md
lg

เผยเบื้องหลังหมอทวีศิลป์ที่คนทั่วไปไม่รู้ เคยถึงขั้นถูกขู่ฆ่า-ขู่อาฆาต ก่อนปิดฉาก ศบค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของ ศบค.เผยเบื้องหลังหมอทวีศิลป์รับหน้าที่โฆษก ศบค.ที่หลายคนไม่เคยรู้ ต้องทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด ยอมสูญรายได้ออกตรวจ รพ.เอกชน ไม่รับงานสัมภาษณ์ ช่วงสถานการณ์ดีมีคนชม แต่สถานการณ์ไม่ดีกลายเป็นเป้าถูกด่า ถูกบูลลี่ หนักสุดถึงขั้นถูกขู่ฆ่า-ขู่อาฆาต แต่เครียดแค่ไหนก็ไม่เคยสติแตกให้เห็น ส่วนความดังเปรย "อย่าไปยึดติด มาแล้วก็ไป เดี๋ยวคนก็ลืม"

วันนี้ (24 ก.ย.) จากกรณีที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ครั้งที่ 12/2565 มีมติเห็นชอบยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรที่ประกาศมาตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 63 และขยายมารวม 19 ครั้ง รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งที่นายกรัฐมนตรี และ ครม.ใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งหมด ให้มีผลในวันที่ 30 ก.ย. 65 เป็นต้นไป ดังนั้น วันที่ 1 ต.ค. 65 ถือเป็นการสิ้นสุดของ ศบค. และจะมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.สาธารณสุข จะเป็นผู้กำกับดูแลตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อแทน

เฟซบุ๊ก Warat Karuchit ของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของ ศบค. โพสต์ข้อความถึงการทำหน้าที่ของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษก ศบค.ในช่วงที่ผ่านมา ว่า "บางคนอาจจะคิดว่าพี่หมอทวีศิลป์ได้เป็นโฆษก ศบค.แล้วโด่งดัง มีชื่อเสียง มีคนชื่นชอบ ชีวิตน่าอิจฉา แต่เบื้องหลังแล้ว มีหลายอย่างที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะพี่หมอไม่เคยออกมาโพสต์หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องเหล่านี้เลย เช่น

1. พี่หมอทำงาน 7 วันไม่เคยหยุดตลอดช่วงโควิด โดยปีสองปีแรกที่มีแถลงทุกวัน ก็ต้องประชุมทุกวัน วันละอย่างน้อย 4-5 รอบ เช้าตรู่ที่ สธ. (กระทรวงสาธารณสุข) แล้วมาต่อที่ ศบค.ชุดเล็กที่ทำเนียบฯ แล้วต่อด้วยทีม strategic communication (ทีมยุทธศาสตร์การสื่อสาร) แล้วก็เตรียมกับทีมโฆษก เลือกประเด็น แล้วก็แถลงข่าว และส่วนใหญ่ช่วงบ่ายหลังแถลงก็ต้องกลับไปประชุมต่อที่ สธ. ช่วงหลังพี่หมอต้องไปตรวจราชการที่อีสาน ก็ต้องบินไปบินมาตลอด

2. การทำงานโควิด 7 วันของพี่หมอทำให้ไม่ได้ไปออกตรวจที่ รพ.เอกชน สูญเสียรายได้ไปพอสมควร

3. พี่หมอไม่รับงานสัมภาษณ์ งานโฆษณา ใดๆ ทั้งสิ้นที่มีคนติดต่อมาจำนวนมาก ทิ้งรายได้ไปไม่น้อย เพราะพี่หมอบอกว่า "ถ้ารับหนึ่งที่ ก็ต้องรับทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้"

4. ช่วงที่สถานการณ์ดี ก็มีคนชื่นชม แต่ช่วงที่สถานการณ์ไม่ดี พี่หมอกลายเป็นเป้าในการบูลลี่ ด้อยค่า ด่าหยาบคายต่างๆ นานา รวมไปถึงครอบครัวที่ได้รับผลกระทบด้วย จนบางคืนก็นอนไม่หลับ และเคยคิดว่าจะขอลาออกจากการทำหน้าที่

5. บางครั้งมีการบูลลี่หนักถึงขนาดขู่ฆ่า ขู่อาฆาต ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครโดนก็ต้องรู้สึกแย่ทั้งนั้น

6. แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเครียดหรือเร่งด่วนแค่ไหน เช่น ข้อมูลมาก่อนแถลงไม่กี่นาที หรือประชุม ศบค.ใหญ่จบก่อนกำหนดแถลงแค่ไม่กี่นาที พี่หมอก็ไม่เคย "สติแตก" หรือเสียอาการให้เราเห็นเลย และพี่หมอจะเป็นคนตัดสินใจเองคนสุดท้ายทุกครั้ง ว่าจะพูดเรื่องอะไร ไม่พูดเรื่องอะไร ถามว่าเคยมีพูดผิดไหม ตอบได้เลยว่ามี 555 แต่ด้วยความนิ่ง และออราของความมั่นใจของพี่หมด ทำให้พวกเราก็ไม่สติแตกหรือกังวลไปด้วย และทำให้การแถลงจบลงด้วยดีทุกครั้ง (ผิดก็ค่อยมาพูดชี้แจงในครั้งต่อไปเท่านั้นเอง)

7. เอาจริงๆ หน้าที่ผมคือผู้ช่วยโฆษก ศบค. ในฐานะนักวิชาการด้านการสื่อสาร แต่ว่าตั้งแต่เริ่ม พี่หมอก็ไม่ต้องการคำแนะนำในการสื่อสารอะไรเลย ทำได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องแนะนำเลย ผมก็เลยช่วยเรื่องหาข้อมูลและประเด็นเสริม และช่วยสื่อสารนอกรอบมากกว่า

8. เวลามีคนแซวเรื่องความดัง พี่หมอก็พูดอยู่เสมอๆ ว่า "อย่าไปยึดติด ของแบบนี้มันมาแล้วก็ไป เดี๋ยวคนก็ลืม"

9. พี่หมอเป็นคนถ่อมตัวและสุภาพอย่างมาก และติดดิน กินข้าวกล่องกับพวกเราตลอดไม่เคยบ่น และอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน ชอบแซวทีมงาน และคิดถึงความรู้สึกคนอื่นและหาทางช่วยผู้อื่นเสมอ (รวมทั้งผมด้วย) สมกับที่เป็นจิตแพทย์

10. นอกจากนั้น อีกสิ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ก็คือ เบื้องหลังข้อมูลที่พี่หมอแถลงนั้น ผู้ที่เป็นแบ็กอัพสำคัญอย่างยิ่งมาตลอดตั้งแต่ต้นจนวันสุดท้าย คือหมอติ๋ง (พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ที่มีบางครั้งช่วงหลังก็ออกมาแถลงเอง) ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค ที่เป็นคนเก่งมากๆ แม่นข้อมูลทุกอย่าง หาข้อมูลได้ทุกเรื่อง ประสานงานได้ 360 องศา และลุยงานหนักตลอดทั้งช่วงโควิดไม่แพ้พี่หมอเลย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของการสื่อสารออนไลน์ของกรมควบคุมโรค ที่เพิ่งได้รับรางวัลโซเชียลอวอร์ดไปด้วย

สิ่งเหล่านี้คือส่วนเล็กๆ ที่ผมเคยได้ร่วมงานกับพี่หมอทวีศิลป์ และผมเชื่อว่าเราโชคดี ที่มีพี่หมอทวีศิลป์มาเป็นโฆษก ศบค. และได้หมอติ๋งมาเป็นทีมซัปพอร์ต ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดช่วงหนึ่งของประเทศ ที่ช่วยให้คนทั้งประเทศผ่อนคลายความกังวล และร่วมกันสู้กับวิกฤตไปด้วยกันจนเราผ่านวิกฤตมาได้ ซึ่งพี่หมอเองก็ต้องเสียสละอะไรหลายๆ อย่างเพื่อการทำหน้าที่โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ถือเป็นฮีโร่อีกคนหนึ่ง ร่วมกับบุคลากรการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคน ในสงครามโควิดครั้งนี้ครับ"

อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่


กำลังโหลดความคิดเห็น