รัสเซียเริ่มจัดทำประชามติเพื่อผนวก 4 เขตยึดครองในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนเมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) ท่ามกลางเสียงประณามจากรัฐบาลเคียฟและมหาอำนาจตะวันตกซึ่งระบุว่า การโหวตครั้งนี้เป็นเพียง “ประชามติปลอม” และจะไม่เป็นที่ยอมรับ
การลงประชามติในแคว้นลูฮันสก์ (Luhansk) โดเนตสก์ (Donetsk) เคียร์ซอน (Kherson) และซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ราวๆ 15% ของยูเครน จะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ก.ย. ไปจนถึงวันอังคารที่ 27 ก.ย.
สำนักข่าว Tass ของรัสเซียอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งระบุว่า ประชาชนในแคว้นโดเนตสก์ออกมาใช้สิทธิลงประชามติ 23.6% ในวันศุกร์ (23) ขณะที่สำนักข่าว Interfax รายงานว่า ซาปอริซเซียและเคียร์ซอนมีผู้ออกมาใช้สิทธิราวๆ 20.5% และ 15% ตามลำดับ
ทางการรัสเซียยังได้เปิดหน่วยเลือกตั้งในกรุงมอสโก เพื่อให้พลเมืองจาก 4 แคว้นยูเครนที่ปัจจุบันเข้าไปอาศัยอยู่ในรัสเซียได้ร่วมลงคะแนนด้วย
เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในเขตยึดครองถูกห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกพื้นที่จนกว่าการลงประชามติ 4 วันจะเสร็จสิ้น และยังมี “กลุ่มติดอาวุธ” ตระเวนไปตามบ้านเรือนเพื่อข่มขู่คนให้ออกไปลงคะแนน ขณะที่พนักงานองค์กรต่างๆ ก็โดนขู่ “ไล่ออก” หากไม่ให้ความร่วมมือ
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนแถลงว่า การลงประชามติครั้งนี้ “จะถูกทั่วโลกประณาม” เช่นเดียวกับคำสั่งเรียกระดมพลบางส่วน (partial mobolisation) ที่ผู้นำรัสเซียประกาศในสัปดาห์นี้
“มันไม่เพียงเป็นอาชญากรรมในแง่ของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นการก่ออาชญากรรมต่อคนกลุ่มหนึ่งและชนชาติหนึ่งด้วย” เซเลนสกี กล่าว
การลงประชามติผนวกดินแดนถูกจัดขึ้นอย่างรีบร้อน หลังจากกองทัพยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธจากตะวันตกสามารถทวงดินแดนผืนใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือกลับคืนมาจากรัสเซียได้เมื่อต้นเดือน ก.ย.
สัปดาห์นี้ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้ประกาศเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก 300,000 นาย เพื่อส่งไปรบในยูเครน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนว่าเครมลินกำลังดิ้นรนสุดขีดเพื่อที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ หลังจากที่ทำสงครามยืดเยื้อมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.
ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย “หลีกเลี่ยงคำสั่งระดมพลทุกวิถีทางที่ท่านจะทำได้ และขอให้อพยพเข้ามายังเขตที่อยู่ในการควบคุมของยูเครน” แต่หากใครไม่สามารถหลบเลี่ยงการถูกเกณฑ์ทหารได้ ก็ขอให้พยายาม “บ่อนทำลาย” “แทรกแซง” หรือ “ส่งข่าวกรอง” ให้กองทัพยูเครน
ทั้งนี้ การผนวกแคว้นทั้ง 4 เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียจะทำให้มอสโกสามารถอ้างได้ว่า ความพยายามทวงดินแดนคืนของยูเครนเท่ากับเป็นการโจมตีดินแดนรัสเซียโดยตรง และรัสเซียย่อมมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะใช้ทุกมาตรการ รวมถึง “อาวุธนิวเคลียร์” เพื่อปกป้องดินแดนเหล่านี้ไว้
ปูติน และเจ้าหน้าที่รัสเซียบางคนเริ่มออกมาพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์ว่าเป็น “อีกหนึ่งทางเลือก” ที่พวกเขาอาจจะใช้หากสถานการณ์เข้าขั้นคับขันจริงๆ ซึ่งเป็นคำขู่ที่ทำให้หลายฝ่ายกังวล
ที่มา : รอยเตอร์
