xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบชนม็อบ ชาวบ้านแย่งพื้นที่ทำกินสวนป่าสมเด็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ชาวบ้านที่เคยทำกินในสวนป่าสมเด็จออกมาชุมนุมขับไล่ชาวบ้านกลุ่มใหม่ที่เข้ามาทำกินปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่สวนป่าสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์
กาฬสินธุ์ - สวนป่าสมเด็จเป็นเหตุ ชาวบ้านกลุ่มเดิมรวมตัวกว่า 100 คนขับไล่ชาวบ้านกลุ่มใหม่ที่เข้ามาทำกินที่สวนป่าสมเด็จจนหวิดเกิดปะทะ ชี้กรมป่าไม้ไม่เคยแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน ร้อง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรี ลงมาแก้ปัญหาหลังเกิดเรื้อรังมาหลายปี


วันนี้ (5 ต.ค.) ที่บริเวณด้านหลังสวนป่าสมเด็จ เขตรอยต่อบ้านสวนป่า บ้านโนนคำม่วง และบ้านคำโพน ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านกว่า 100 คน นำโดยนายประมวล นาบุญทัน อายุ 67 ปี นางมะลิ หาศรีสุข อายุ 50 ปี และนางวรเพชร ทองการ อายุ 66 ปี รวมตัวคัดค้านชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 20 คน ที่เข้ามาทำกินปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ดังกล่าว

ชาวบ้านที่ออกมาขับไล่ได้นำสำเนาหนังสือและระวางแผนที่กรมป่าไม้ เป็นหลักฐานในการประท้วงครั้งนี้ ทำให้ทั้งสองกลุ่มโต้เถียงกันไปมาจนเกือบปะทะกัน ก่อนที่กลุ่มชาวบ้านที่มีคนน้อยกว่าจะขึ้นรถออกไป และชาวบ้านกลุ่มใหญ่จะแยกย้ายกันไป

นายประมวล นาบุญทัน อายุ 67 ปี แกนนำชาวบ้านกลุ่มประท้วงขับไล่ กล่าวว่า เดิมตนและเพื่อนบ้านกลุ่มนี้ได้เข้ามาทำกินบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ปี 2516-2517 โดยทางสวนป่าสมเด็จ กรมป่าไม้ ได้เปิดป่าประมาณ 900 ไร่ ให้ประชาชน 86 ครัวเรือนเข้ามาทำกิน ครัวเรือนละประมาณ 10-25 ไร่ ชาวบ้านที่ได้รับสิทธิได้เข้ามาทำกิน ปลูกมันสำปะหลังเลี้ยงครอบครัว ขณะที่สวนป่าสมเด็จ โดยอุตสาหกรรมป่าไม้ (อป.) ได้มีเงื่อนไขให้ราษฎรปลูกไม้ยูคาลิปตัสในพื้นที่เพื่อรักษาระบบนิเวศแบบคนอยู่กับป่าควบคู่กันไป สามารถเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจภายในพื้นที่ป่าแห่งนี้ได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

เมื่อไม้ยูคาลิปตัสเติบโต ทางอุตสาหกรรมก็จะตัดไปจำหน่ายนำรายได้เข้ารัฐ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ แต่ช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเรียกร้องที่จะเข้ามาขอสิทธิทำกินด้วย จึงเกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างชาวบ้านกลุ่มเดิมกับกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามาแทรกแซง โดยที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จได้




ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่มีการจะเข้ามาจับจองพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง โดยจะนำรถไถเข้ามาปรับพื้นที่ เหมือนเข้ามาแย่งที่ทำกิน พวกตนที่เคยได้รับสิทธิจึงออกมารวมตัวคัดค้าน เพื่อขอความเป็นธรรมจากทางกรมป่าไม้ในครั้งนี้

ด้านนางมะลิ หาศรีสุข แกนนำชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า ปัญหาที่ปะทุขึ้นใหม่ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2564 กรมป่าไม้มีหนังสือประกาศให้ราษฎรที่ทำกินพื้นที่ดังกล่าวไปยืนชี้จุดพร้อมถ่ายภาพแสดงตนว่าเป็นผู้ทำกินในพื้นที่ดังกล่าวจริง และให้รีบเก็บเกี่ยวผลผลิตออกไปจากพื้นที่ ต่อมาได้มีเอกสารมาให้ชาวบ้านเซ็นรับรอง ซึ่งชาวบ้านก็ไม่รู้รายละเอียดว่าเซ็นรับรองเรื่องอะไร เข้าใจว่ารับรองสิทธิทำกินเท่านั้น

ต่อมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เรียกชาวบ้านไปประชุม โดยแจ้งว่าทุกคนที่ยืนถ่ายภาพประกอบที่ทำกินดังกล่าวถือว่าได้ถอนตัวออกจากที่ดินดังกล่าวแล้ว ไม่มีสิทธิเข้าไปทำกินได้อีก หากเข้าไปอีกถือว่าเป็นผู้บุกรุก มีโทษตามกฎหมาย เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้นจึงรู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่หลอก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายไปปักแนวเขต ห้ามชาวบ้านเข้าไปทำกินโดยเด็ดขาด

ขณะที่นางวรเพชร ทองการ อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านคำโพน ต.นาจารย์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังเรื่องนี้เกิดขึ้นชาวบ้านได้แต่ปรับทุกข์กัน เพราะต่อไปนี้คงจะไม่มีที่ทำกินต่อไปแล้ว ที่ดินที่เคยรับสิทธิปลูกมันสำปะหลังพอมีรายได้เลี้ยงลูกหลานมาหลายสิบปี กลับถูกเจ้าหน้าที่หวงห้าม ซึ่งต่อไปนี้ไม่รู้จะทำมาหากินอะไรต่อไป ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลอก ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของเจ้าหน้าที่


แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากลับมีชาวบ้านในพื้นที่บางรายและหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะเข้ามาแทรกแซงพื้นที่ดังกล่าว นำรถไถเข้ามาปรับพื้นที่เพื่อปลูกมันสำปะหลัง ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่หวงห้าม

“เมื่อฉันและเพื่อนบ้าน ซึ่งเคยได้รับสิทธิทำกินเดิมจำนวน 86 รายเห็นดังนั้นจึงเข้าไปทักท้วงกลุ่มดังกล่าว ซึ่งทราบตอนหลังว่าจะมีประมาณ 93 ราย โดยกลุ่มที่เข้ามาใหม่อ้างว่าได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำกินแทนกลุ่มเดิม จึงเกิดเหตุประท้วงคัดค้านขึ้น โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ในฐานะตัวแทนชาวบ้านจึงอยากเรียกร้องไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงมาแก้ปัญหานี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ชาวบ้านด้วย” นางวรเพชรกล่าว

ทั้งนี้ บรรยากาศการชุมนุมของชาวบ้านทั้ง สองกลุ่มเป็นไปอย่างเข้มข้น มีการโต้เถียงกันไปมา เพราะต่างอ้างสิทธิในที่ดินทำกิน จนเกือบปะทะกัน ก่อนที่กลุ่มเข้ามาทำกินใหม่ ซึ่งจำนวนน้อยกว่า มากันประมาณ 20 คน จะขึ้นรถออกไปจากพื้นที่ ขณะที่กลุ่มที่เข้ามาคัดค้านซึ่งมีมากกว่า ได้ชูเอกสารและระวางแผนที่ที่เคยทำกิน 900 ไร่ พร้อมตะโกนขอความเป็นธรรม ไล่ชาวบ้านกลุ่มใหม่ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ทั้งนี้ชาวบ้านยังคงรอคำตอบและการแก้ปัญหาจากสวนป่าสมเด็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น