xs
xsm
sm
md
lg

อย.ตรวจเจอ “หมี่ซีดาพ” 2 รุ่นในไทย มีสารฆ่าแมลง สั่งอายัดด่วน เรียกคืนสินค้า ฟันโทษปรับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



อย.ตรวจหมี่ซีดาพ” พบ 2 รุ่นผลิตปนเปื้อนสารเอทิลีออกไซด์ ที่เป็นส่วนประกอบยาฆ่าแมลง สั่งอายัดสินค้าพร้อมให้บริษัทเรียกคืน ย้ำ ประชาชนให้ส่งคืนร้านค้า ลุยเอาผิดโทษอาหารผิดมาตรฐาน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท บริษัทนำเข้าอ้าง ผู้ผลิตบอกอาจมีปัญหาปนเปื้อนจากพริกที่ทำเครื่องปรุง

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า หลังจากมีข่าวสำนักงานสิงคโปร์เรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “หมี่ซีดาพ” (Mie Sedaap) ที่ผลิตในอินโดนีเซีย 4 รายการ เนื่องจากพบการปนเปื้อนสารเอทิลีนออกไซด์ ซึ่งเป็นสารส่วนประกอบของยาฆ่าแมลง โดยทั้ง 4 รุ่น อย.ไม่พบการนำเข้ามาจำหน่ายในไทย แต่จากการตรวจสอบสถานที่นำเข้าและเก็บตัวอย่าง “หมี่ซีดาพ” รุ่นการผลิตที่นำเข้ามาในไทย เพื่อตรวจหาสารเอทิลีนออกไซด์ 8 รายการ พบว่า มี 2 ตัวอย่าง ที่ตรวจพบสารดังกล่าว คือ หมี่ซีดาพ โคเรียน สไปซี่ ชิคเค่น (บะหมี่แห้งกึ่งสำเร็จรูปรสไก่เผ็ดเกาหลี) ซองสีดำ เลขสารบบอาหาร 10-3-12535-5-0548 จำนวน 2 รุ่นการผลิต ได้แก่ รุ่นวันที่ผลิต 25 NOV 21 วันหมดอายุ 25 NOV 22 และ รุ่นวันที่ผลิต 07 DEC 21 วันหมดอายุ 07 DEC 22

ภก.วีระชัย กล่าวว่า อย.ได้อายัดผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผู้นำเข้าและอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินคดีกับผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากเข้าข่ายเป็นอาหารผิดมาตรฐาน มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท พร้อมให้บริษัทเรียกคืนสินค้าทุกชิ้น และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศตรวจสอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในทุกพื้นที่ หากยังพบว่ามีการวางจำหน่ายรุ่นที่มีการปนเปื้อนก็จะดำเนินการเอาผิดเพิ่มเติมอีก

“สารเอทิลีนออกไซด์ มีสถานะเป็นแก๊สเมื่อถูกความร้อนจะระเหยไป ไม่อันตราย แต่ตามกฎหมายอาหารไม่อนุญาตให้มีการปนเปื้อนเลย ฉะนั้น หากประชาชนซื้อรุ่นที่มีการตกค้างไป ก็ไม่แนะนำให้รับประทาน แต่ให้นำมาคืนร้านที่ซื้อไป พร้อมขอเงินคืนได้ ส่วนร้านที่วางจำหน่ายอยู่ก็จะต้องส่งคืนให้กับบริษัทผู้นำเข้า และขอเงินคืน” ภก.วีระชัย กล่าว

ถามว่า มีการตรวจสอบย้อนกลับไปหรือไม่ว่า มีการปนเปื้อนได้อย่างไร ภก.วีระชัย กล่าวว่า อย.ไม่ได้มีอำนาจในการตรวจสอบข้ามประเทศ แต่จากการสอบถามไปยังบริษัทผู้นำเข้า รายงานว่า ได้สอบถามไปยังบริษัทผู้ผลิตซึ่งให้ข้อมูลเป็นการคาดการณ์ว่า น่าจะปนเปื้อนมาจากพริกที่นำมาเป็นเครื่องปรุงรส แต่เป็นเพียงข้อมูลที่ได้จากบริษัทผู้นำเข้าเท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูล ข้อสรุปทางการ ต้องเน้นย้ำประชาชน คือ ไม่ควรรับประทาน
กำลังโหลดความคิดเห็น