องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เผยแพร่คำเตือนในวันนี้ (3 พ.ย.) ว่า ธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของโลก เช่น ธารน้ำแข็งโดโลไมต์สในอิตาลี ธารน้ำแข็งในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีและอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนในสหรัฐฯ รวมถึงธารน้ำแข็งบนยอดเขาคิลิมันจาโรในแทนซาเนีย จะ "ละลายหายไป" ภายในปี 2050 เนื่องจากภาวะโลกร้อน
ยูเนสโกซึ่งเฝ้าติดตามสถานะของธารน้ำแข็งราว 18,600 จุดในเขตพื้นที่มรดกโลก 50 แห่ง ซึ่งกินพื้นที่ราว 66,000 ตารางกิโลเมตร พบว่าราวๆ 1 ใน 3 มีแนวโน้มสูงมากที่จะหายไปอย่างแน่นอนในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลทั่วโลกออกมาตรการตอบสนองที่รวดเร็วฉับไวเพื่อปกป้องธารน้ำแข็งที่ยังคงเหลืออยู่
ผลการศึกษาพบว่า ธารน้ำแข็งเหล่านี้มีอัตราการละลายเร็วขึ้นตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา อันเป็นผลจากการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศซึ่งทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น
ยูเนสโกพบว่า ธารน้ำแข็งเหล่านี้มีปริมาณลดลง 58,000 ล้านตันในทุกๆ ปี ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่คนฝรั่งเศสและสเปนใช้รวมกันใน 1 ปี และยังมีส่วนราวๆ 5% ในการทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น
“ธารน้ำแข็ง 1 ใน 3 ของพื้นที่มรดกโลก 50 แห่งจะหายไปอย่างแน่นอนภายในปี 2050 ไม่ว่าเราจะพยายามจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิหรือไม่ก็ตาม” ยูเนสโก ระบุ
“แต่ยังเป็นไปได้ที่พวกเราจะปกป้องธารน้ำแข็งที่เหลืออยู่อีก 2 ใน 3 หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม”
หลายประเทศได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยรักษาอุณหภูมิโลกให้คงอยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทว่าเป้าหมายดังกล่าวยากที่จะเป็นจริงได้ หากดูจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่โลกปลดปล่อยออกมาในตอนนี้
“รายงานฉบับนี้ถือเป็นข้อเรียกร้องให้ทุกประเทศต้องลงมือทำ” ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ออกมากล่าวย้ำก่อนที่การประชุมสภาพอากาศ COP27 จะเปิดฉากขึ้นที่อียิปต์ในวันจันทร์หน้า (7)
ตามข้อมูลจากยูเนสโก ธารน้ำแข็งในแหล่งมรดกโลกของแอฟริกาเกือบทุกที่จะสูญหายไปภายในปี 2050 รวมถึงที่อุทยานแห่งชาติคิลิมันจาโรและยอดเขาเคนยา ขณะที่ธารน้ำแข็งโดโลไมต์สและธารน้ำแข็งบางแห่งบนเทือกเขาพิเรนีสในยุโรปก็เสี่ยงที่จะละลายหายไปภายในไม่เกิน 30 ปีนี้ เช่นเดียวกับธารน้ำแข็งที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนและโยเซมิตีในสหรัฐอเมริกา
ที่มา: เอเอฟพี