xs
xsm
sm
md
lg

“บิลลี่ โอแกน” ไม่มีลูกเพิ่มอีกแล้ว เจอ “น้องนนนี่” แค่ในโซเชียล ทัก 2-3 คำก็ดีใจ ชม “แอน สิเรียม” ดูแลลูกดีมาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“บิลลี่ โอแกน” รีวิวชีวิตศิลปินในวัย 57 ปี ขอทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ มองหมดยุคเป็นรุ่นที่ไม่มีอนาคตแล้ว เลยขอเปิดร้านขายเบอร์เกอร์สไตล์โฮมมี่ และทำเพลง รับคอนเสิร์ตบ้าง จนกว่าจะทำไม่ไหว ส่วนความสัมพันธ์กับลูกสาว “นนนี่ นนลนีย์” เจอกันตามโซเชียล จะได้เจอกันตัวเป็นๆ ตามวาระโอกาสสำคัญ บอกแค่ลูกทักมาคำสองคำก็ดีใจมากแล้ว ขอใช้ชีวิตอยู่กับภรรยานอกวงการจนกว่าจะตายจากกันไปข้างนึง

ช่วงหน้างานของศิลปินแล้วที่จะรับงานคอนเสิร์ตกันรัวๆแล้ว เลยมีโอกาสได้เจอกับศิลปินในตำนาน “บิลลี่ โอแกน” ที่งาน Slim Up Center (สลิมอัพ เซ็นเตอร์) กาล่าดินเนอร์ “One Day One Moment” ล่องเรือชมทิวทัศน์สุดโรแมนติกยามค่ำคืน ซึ่ง บิลลี่ โอแกน ก็ได้เปิดใจเล่าเรื่องราวรีวิวชีวิตของตัวเองในวัย 57 ปี นอกจากที่จะได้เห็นว่าบิลลี่มักจะไปเป็นจิตอาสาพระราชทานแล้ว ก็ยังร้องเพลง ทำงานเบื้องหลัง และเปิดร้านขายแฮมเบอร์เกอร์

“เราอายุมากแล้ว ก็เลือกทำในสิ่งที่เราชอบ ทำด้วยใจรักมากกว่าแล้ว นี่ก็กลับมารับงาน เล่นคอนเสิร์ตแล้วครับตอนนี้ ช่วงนี้หน้างานด้วยก็เริ่มมีงานเข้ามา 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เล่นดนตรีเลย ไปขายแฮมเบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ ทำเองที่บ้าน เมื่อก่อนผมเคยเปิดร้านอาหารชั้นบนลิโด้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก็ทำเป็นสไตล์โฮมเมด เรากินยังไงก็ทำอย่างนั้น เนื้อหมูหมักเองหมด ไม่ใช้ของสำเร็จรูป ผักก็ออร์แกนิก คนสั่งก็แถวหมู่บ้านนี่แหละ เพราะไม่รับสั่งไลน์แมน แกร็บฟู๊ด ทำแค่ขายเฉพาะในโซนที่เราอยู่

คือร้านเราอยู่ถนนคุ้มเกล้าเท่านั้นเอง ร้านผมไม่ได้แถวสุขุมวิท ถ้าคนสั่งแล้วไรเดอร์ต้องถ่อมา ค่าเบอร์เกอร์ก็จะถูกกว่าค่าส่ง แต่ก็จะมีที่เหมากันสั่งทั้งออฟฟิศ 30-40 กล่อง แบบนี้ก็คุ้มเขา ถ้าจะสั่งแค่ 1-2 กล่อง แล้วอยู่ไกลย่านที่ผมอยู่ก็อย่ากินเลย ไว้ผ่านมาแถวนี้ค่อยแวะมากินเถอะ เดี๋ยวมันจะเว่อร์เกินไป ของมันธรรมดา ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร”

อยากทำร้านโฮมมี่เล็กๆ บ้านๆ เพราะใจรัก ไม่ได้อยากจะทำเป็นธุรกิจใหญ่โตแล้ว
“เราทำเพราะใจรักครับ เราทำในรูปแบบอื่นมาหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นก็สั่งสำเร็จใช้แต่ชื่อเราก็ได้ แล้วมาทำท่าว่าผมทำเอง แต่จริงๆ ไม่ได้ทำ แต่ผมไม่ได้ต้องการอย่างนั้น ผมอายุเยอะแล้ว 57 แล้ว ผมต้องการทำอะไรที่ตัวเองชอบ เราจะเข้าไปเปิดร้านในเมือง แล้วบริหาร มันก็ทำได้ แต่สำหรับผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ผมมองว่ากทม.มีร้านที่หรูหราเยอะมากแล้ว ร้านผมเป็นโฮมมี่ มันไม่ค่อยมีแล้วในยุคนี้ ผมก็อยากจะทำแบบนั้นมากกว่า ทำแบบที่ใจเราอยากทำ ถ้าวันไหนมีงานก็ไม่ได้เปิดร้าน มีงานจ็อบนอกก็ต้องไปเอาตังค์ก่อนนะครับ(หัวเราะ) ผมไม่อยู่ก็ปิดเลย ร้านเปิดตามสะดวกพ่อค้า ช่วงโควิดก็ไม่ได้ให้คนเข้ามานั่งกินที่ร้าน ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว”

ทำในสิ่งที่รักมันก็หล่อเลี้ยงให้เราอยู่ได้
“ผมว่าจริงๆ มันก็ได้นะ ตัวผมไม่มีลูกจ้าง ค่าใช้จ่ายมันไม่ได้เยอะ ต้นทุนเราไม่ได้เยอะ ผมไม่ได้จะเอาใครมาแบก ผมไม่ใช้คอนเซ็ปต์แบบนั้น ทำคนเดียวหมด ลูกค้ามาเยอะก็อาจจะช้าหน่อย แต่ก็ไม่ได้ช้ามาก ซื้อกลับบ้าน ก็สามารถไลน์มาสั่งก่อนได้ อยากทานก็ทักผมมาในเฟซบุ๊ก Billy Ogan มีแค่ช่องทางเดียว ผมไม่ค่อยเล่นโซเชียลเท่าไหร่ ไม่ได้เน้นโปรโมตอะไรมากเพราะว่าแก่แล้ว มันไม่ใช่ยุคเราแล้ว ตอนนี้มันเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ งานเพลงก็ยังคงทำอยู่ มีเขียนเพลง ทำงานเบื้องหลัง”

จะใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาสาวนอกวงการ “น้ำฝน นันนภัส” จนกว่าจะตายจากกันไปข้างนึง
“เหมือนเดิม อยู่กับภรรยา ทุกอย่างเหมือนเดิม ก็คงอยู่กันไปจนแก่ตายกันไปข้างนึง ปูนนี้แล้วเนอะ ไม่มีทายาทอะไร มีแต่น้องหมา ขี้เกียจขับรถส่งลูกไปมหาวิทยาลัยตอนอายุ 70 ปี เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็อยู่กันง่ายๆ ดูแลกันไป”

กับลูกสาว “นนนี่ นนลนีย์ โอแกน” แม้จะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วแต่ก็จะเจอกันในวาระโอกาสสำคัญ ตนจะคอยส่องลูกในอินสตาแกรม บอกแค่ลูกทักมาคำสองคำก็ดีใจมากแล้ว
“นานๆ จะเจอกันที เจอก็แล้วแต่ว่ามีโอกาสอะไรพิเศษถึงจะได้เจอ ปกติจะไม่ได้เจอ ผมเองยังต้องไปฟอล์โลว์อินสตาแกรมเขาเลย เจอลูกก็เจอกันทางโซเชียล(หัวเราะ) ไม่ใช่แค่ผมหรอก เด็กสมัยนี้เขาก็มีสังคมของเขา อย่างมากก็ทักมาคำสองคำ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ลูกเล่นละครเรื่องอะไรยังไม่รู้เลย เดี๋ยวต้องไปเปิดดูอินสตาแกรมเขา ให้เขาปรึกษาแม่เขาจะดีกว่า แม่เขาเป็นนางเอกแน่นอนตลอดกาลอยู่แล้ว เขาโตแล้ว 26-27 ปีแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรเขาแล้ว เขาแต่งงานแล้ว จนเลิกไปแล้ว ผมไม่ห่วงอะไร เขาดูแลตัวเองได้ เพราะคุณแม่เขาดูแลเขาดีมากๆ เขาสวยเหมือนแม่เขาแหละ ผมแอบไปดู เขาลงรูปคู่กันแม่ลูก เขาอยู่กับคุณแม่ตลอด ผมก็รู้สึกสบายใจได้”

หมดยุคหัวร้อนแล้ว อายุ 57 ปีใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ทำงานที่รักไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำไม่ไหว
“ผมเริ่มแก่แล้ว จะ 60 ปีแล้ว ปีนี้ผม 57 ปีแล้ว มันก็จะมองโลกในอีกแบบนึง ทำอะไรง่ายๆ ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องไปแต่งเติมหรือต้องไปพรีเซนต์อะไรมาก มันผ่านยุคนั้นมาแล้ว รุ่นผมไม่มีอนาคตแล้ว อยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว อีก 3 ปีผมก็นั่งรถไฟฟ้าฟรีแล้ว ซึ่งก็อาจจะได้เที่ยวเยอะขึ้น(หัวเราะ) ก็จะร้องเพลง ทำอะไรไปเรื่อยๆจนกว่าจะทำไม่ไหวแหละครับ”

















กำลังโหลดความคิดเห็น