xs
xsm
sm
md
lg

“ไม่ต้องรอ ATK ขึ้น 2 ขีด” จับตาโควิดขาขึ้น “อาการหนัก-เชื้อหลบภูมิ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



แพทย์เตือน!! โควิด-19 ระบาดระยะนี้ แม้แต่คนแข็งแรงยังอาการหนักกว่าเดิม เผยวัคซีนคุ้มกันได้สั้นลง หากมีอาการรีบกินยา อย่ารอ ATK ขึ้น 2 ขีด รู้ตัวไวรักษาหายเร็ว!!

โควิดรอบนี้ “อาการหนัก-เชื้อหลบภูมิ”

“ตอนนี้เป็นช่วงที่การติดเชื้อหนาแน่นชัดเจนจากทุกช่วงอายุ แต่พบว่าที่แปลก ที่มีอาการดูจะเริ่มหนักขึ้น กลับกลายเป็นอายุไม่มาก ทั้งหนุ่มสาวและวัยกลางคนที่แข็งแรงด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น อายุ 25 ขึ้นไป ฉีดวัคซีนครบคือ 4 เข็ม ติดแล้วอาการหนักขึ้น ต้องเข้าโรงพยาบาล

และอาจจะต้องระวังว่าไม่ใช่อาการในระบบมาตรฐาน อาการในระบบมาตรฐานได้แก่ ไข้ ปวดเมื่อย ไอ มีเสมหะ เจ็บคอ แต่ตอนนี้อาการอาจจะออกมาในรูปค่อนข้างรวดเร็ว มีไข้ เหนื่อยล้าทันที มีความดันตก ท้องเสีย อ่อนเพลีย เป็นต้น

อีกประการหนึ่งคือมีอาการทางระบบสมอง ทำให้ซึม เริ่มเลอะเลือนไปพร้อมกับมีไข้ ก็ต้องระวังว่าอาการมีหลากหลายมากกว่าที่เรารู้จักกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองการระบาดครั้งนี้”



ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับทีมข่าว MGR Live ถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ที่ดูจะกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง

และที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะคุณหมอเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ในระยะหลังมีอาการหนักมากขึ้น อีกทั้งเชื้อโควิดก็พัฒนาจนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย

“เชื้อตอนนี้ก็ยังเป็นโอมิครอนอยู่ครับ แต่เป็นโอมิครอนสายย่อย ในลักษณะสายพันธุ์ย่อยตรงนี้ ความสามารถมันหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เคยมีอยู่ตามธรรมชาติ ที่เคยติดเชื้อตามธรรมชาติ หรือที่ได้จากวัคซีนทั้งหมดเลย เพราะวัคซีนที่ได้ทั้งหมดนั้นเราเรียกว่าเป็น Wuhan-based สร้างขึ้นมาตามลักษณะของไวรัสอู่ฮั่น



[ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ]
ประการสำคัญ ภูมิคุ้มกันของเราจะมีลักษณะพิมพ์เขียวของไวรัสโควิดบรรพบุรุษ คือไวรัสอู่ฮั่น ดังนั้นเมื่อเราติดเชื้อไปกี่ครั้งหรือได้วัคซีนไปกี่ครั้ง ไม่ว่าวัคซีนนั้นจะเป็น mRNA รุ่นปัจจุบัน หรือรุ่นใหม่ก็คือวัคซีน mRNA ที่มีโอมิครอน 4/5 เรียกว่า Bivalent Vaccine สหรัฐอเมริกาก็เริ่มฉีดกันแล้ว ส่วนที่ไทยอีกสักพักคงเข้ามา

ตรงนี้แม้ว่าฉีดเข้าไปแล้ว ภูมิคุ้มกันที่ได้ก็กลับไปขึ้นอยู่กับโควิดเก่าๆ มากกว่าที่จะขึ้นต่อโอมิครอนใหม่ๆ หมายความว่า คนที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือจะเป็นรุ่นใหม่ก็ตาม ผลของภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนสายย่อยเหล่านี้จะค่อนข้างต่ำและไม่ได้อยู่นาน มันก็จะหายไป”

ถามถึงสถานการณ์ภาพรวม ว่าประเทศไทยจะมีการล็อกดาวน์อย่างที่เคยมีมาอีกหรือไม่ หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่มองว่า อาจจะไม่ถึงขั้นนั้น แต่ประชาชนต้องมีวินัยในการดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสังเกตตนเอง หากรู้สึกว่ามีอาการที่เข้าข่ายโควิด-19 ก็ควรรีบรักษา โดยที่ไม่ต้องรอผลตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด



“พูดได้เลยว่าเราล็อกดาวน์ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้เองคงต้องรับสภาพของวินัยตนเองตามสถานการณ์ ถ้าเรารู้ว่าไปอยู่ที่สุงสิงกัน ที่ชุมนุม ที่แออัด หน้ากาก ล้างมือ เป็นอันดับแรก

ต่อมา ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศว่า ขณะนี้มีการเข้าถึงยาได้ง่าย ตรงนี้อยากให้ทุกคนพกฟ้าทะลายโจรติดตัวไว้ เพราะฟ้าทะลายโจรสามารถที่จะกำราบเรื่องของโควิดได้ ถ้าเริ่มใช้ตั้งแต่มีอาการ โดยที่ไม่ต้องรอ ATK ขึ้น 2 ขีด

ถ้าหากว่าเอาไม่อยู่ภายใน 1-2 วัน ก็ต้องได้ยาต้านไวรัสอย่างอื่นที่คุณหมอให้ ไม่ว่าจะเป็นโมลนูพิราเวียร์ แพกซ์โลวิด เน้นย้ำเรื่องของฟ้าทะลายโจร โมลนูพิราเวียร์ แพกซ์โลวิด พวกนี้ต้องเริ่มให้แต่เนิ่นๆ 2 ขีด บางที 3 วันถึงขึ้น แทนที่จะหายเร็วก็หายช้าครับ”

เตือนระวัง “ลองโควิด” อันตรายไม่แพ้กัน

อีกประเด็นที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ ภาวะลองโควิด (Long Covid) หรืออาการที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ หลังการติดเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

“อาการลองโควิดจริงๆ สามารถรวบรวมได้ 4-5 รูปแบบด้วยกัน รูปแบบที่ 1 เป็นเรื่องของในระบบหัวใจและระบบทางเดินหายใจ เหนื่อยง่ายผิดปกติ ทำงานไม่อึด ออกกำลังกายไม่อึด เดินไปไม่เท่าไหร่ก็เหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว หรือมีอาการทางหัวใจแปรปรวน เดี๋ยวก็มีความดันขึ้น ความดันตก ชีพจรเต้นเร็ว เต้นช้า

รูปแบบที่ 2 ในเรื่องของระบบสมองและเส้นประสาท รวมถึงทางด้านจิตอารมณ์ ในทางสมองที่เห็นได้เด่นชัด คืออาการที่เคยมีไม่ว่าจะเป็น ปวดหัว โรคลมชัก โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกันต่างๆ ที่เคยควบคุมได้ ทุกอย่างกลับปะทุขึ้นมา

รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม หรือพาร์กินสัน ซึ่งก่อนหน้าที่จะติดโควิดนั้นก็ไม่ได้รุนแรง แต่หลังจากที่ติดโควิดไปแล้ว ตรงนี้ปะทุขึ้นมารุนแรงและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก



ด้านจิตอารมณ์ มีอาการจิตตก วิตกกังวล เศร้า หดหู่ พ่วงไปถึงการนอนไม่มีคุณภาพ นอนยากหรือนอนไม่ได้นาน มีการตื่นเป็นพักๆ รบกวนชีวิต จนไปถึงระบบกล้ามเนื้อที่เป็นระบบประสาท มีอาการตะคริวหรือมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ อาการเหล่านี้ก็คืออาการทางด้านระบบสมอง ประสาทและจิตอารมณ์”

คุณหมอธีระวัฒน์ได้กล่าวต่อถึงอาการลองโควิดในรูปแบบอื่นๆ รวมไปถึงสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย

“อีกกลุ่มหนึ่ง เราเรียกว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้มีภาวะการอักเสบปะทุขึ้นได้ทั้งตัว ระบบผิวหนัง มีผมร่วง ผื่นขึ้น มีลมพิษ (มีกรณีคนไม่เคยแพ้อาหารทะเลก็แพ้หลังจากติดโควิด-19) เห็นอยู่เหมือนกัน บ่นว่ากินกุ้งไม่ได้

ขณะเดียวกันอาจจะมีอาการคล้ายเส้นเอ็นอักเสบ กระดูกและข้ออักเสบ ไม่ว่าจะเป็นอาการบวม แดง ร้อน หรือปวดเฉยๆ ก็ตาม ลักษณะพวกนี้จะอยู่ได้เนิ่นนานพอสมควร ระบบทางเดินอาหารที่สำคัญ อาจจะมีลักษณะคล้ายกับเป็นโรคลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือท้องผูกไปตลอด

และในระบบอื่นๆ อาจจะเป็นระบบย่อยของระบบฮอร์โมน เกี่ยวข้องกับระบบสมอง ในผู้หญิงประจำเดือนหาย ประจำเดือนมาเคลื่อน หรือประจำเดือนมากะปริบกะปรอย มีการรวบรวมข้อมูลทางวารสารทางสมองของสหรัฐฯ สำหรับในผู้ชายความรู้สึกทางเพศอาจจะไม่มี หรือมีแต่ปฏิบัติการไม่ได้ ในผู้หญิงเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ มีอาการปวดเกิดขึ้นครับ”



สุดท้าย ในฐานะบุคลากรด่านหน้า ก็ได้เน้นย้ำถึงการดูแลตนเอง ที่ไม่เพียงการสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเท่านั้น แต่ยังต้องเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกลางแจ้ง และรับประทานอาหาร โดยเน้นผักผลไม้ให้มากกว่าเนื้อสัตว์ด้วย

“จริงๆ แล้วไม่เห็นด้วยกับการเข้มงวด 100 เปอร์เซ็นต์แบบในสมัยแรก เหตุผลที่บอกอย่างนั้นเพราะว่าเราผ่านขั้นตอนของการติดเชื้อตามธรรมชาติ และได้รับวัคซีนมาค่อนข้างแน่นหนา ดังนั้นเองเราก็จะเริ่มมีของดีอยู่ในตัวแล้ว

ข้อสำคัญต้องสำรวจว่าเรามีโรคประจำตัวหรือเปล่า บางคนไม่เคยตรวจร่างกายเลย ไม่เคยรู้ว่ามีเบาหวาน ความดัน ไขมัน หรือมีโรคหัวใจซ่อนอยู่ ถ้าหากว่ามีโรคประจำตัวต้องคุมให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ถ้าเราจะเสริมของดีในตัว ก็คือทำร่างกายให้แข็งแรง ที่เน้นก็คือพยายามเข้าใกล้มังสวิรัติ ลดแป้ง งดเนื้อสัตว์ รับประทานปลาได้ ผักผลไม้วันละครึ่งกิโลฯ การกินอาหารแบบนี้มีรายงานชัดเจนแล้วว่าสามารถลดอาการหนักและลดอัตราตายของโควิดได้ รายงานนี้เป็นรายงานสำคัญก่อนหน้าที่จะมีการใช้วัคซีนในสหรัฐอเมริกา

บวกด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ให้ออกกำลังกับแสงแดด ในแสงแดดเช้า-สาย-บ่าย-เย็น ได้หมดเลย เดิน 10,000 ก้าว ไม่ต้องวิ่ง เพื่อให้ทอดระยะเวลาที่จะได้รับแสงแดดได้นานขึ้น การเดินและกินในลักษณะนี้ มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน ในเรื่องของการลดความรุนแรงของการติดเชื้อ ทั้งโควิดและอย่างอื่นครับ”

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : แฟนเพจ “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


กำลังโหลดความคิดเห็น