4 อดีตผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ พร้อมทนายความ ยื่นฎีกาสู้คดีบุก NBT ขับไล่ รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 51 ด้าน “เจ๊ปอง” ระบุไม่กังวลใจ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วม พธม. และ นายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเลยในคดีหมายเลขดำ อ.1033/2561 ร่วมกันบุกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) พร้อม น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ เดินทางมายื่นคำฎีกาและเอกสารประกอบในขั้นตอนการฎีกาต่อสู้คดี
ภายหลัง น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ ได้ยื่นคำฎีกาพร้อมเอกสารหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ส่วนงานอุทธรณ์-ฎีกา โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที ขั้นตอนจึงแล้วเสร็จ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ กล่าวว่า วันนี้อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ได้ยื่นฎีกา พร้อมคำร้องขออนุญาตฎีกา ซึ่งได้มีข้อต่อสู้ในประเด็นต่างๆ และเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารไว้ หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการพิจารณาในชั้นฏีกาต่อไป
ขณะที่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก กล่าวว่า คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ได้ตัดสินจำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทางแกนนำทั้ง 4 ได้มายื่นขออนุญาตฎีกา หากอนุญาตก็จะเข้าสู่กระบวนพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลใจ ตนเองยังยืนยันตามข้อเท็จจริงที่ได้มีการนำเสนอไปตั้งแต่ต้น
ด้าน นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที กล่าวว่า เรามีเจตนาอันบริสุทธิ์ที่จะทำงานให้บ้านเมือง ดังนั้น เราจะประคองความบริสุทธิ์นี้ให้นานที่สุด เมื่อไปอยู่แห่งหนใดก็จะไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ ก็เตรียมพร้อมทั้งใจและกายไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ที่ผ่านมา เป็นการเรียนรู้ยกระดับบอกเล่าเรื่องราวในสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ยื่นฟ้องในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก มั่วสุม สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง อั้งยี่ซ่องโจร กรณีร่วมกันบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ในช่วงการชุมนุมของ พธม. เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมัคร เมื่อปี 2551
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2563 ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท พิพากษาให้ลงโทษบทหนักสุด ฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ให้ จำคุก น.ส.อัญชะลี จำเลยที่ 2 นายภูวดล จำเลยที่ 3 นายยุทธิยง จำเลยที่ 4 และ นายชิติพัทธ์ จำเลยที่ 5 คนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
อย่างไรก็ตาม สำหรับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 1 ได้เสียชีวิตลงระหว่างการพิจารณาพิพากษา ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความ
