xs
xsm
sm
md
lg

2 คลังภาคใต้เกิดภาวะน้ำมันเชื้อเพลิงขาดแคลน ไม่พอขายให้ผู้ประกอบการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ผู้ประกอบการร้องรัฐบาลบริหารน้ำมันเชื้อเพลิงล้มเหลว เกิดภาวะน้ำมันขาดแคลน น้ำมันแพงรับปีใหม่ เรื้อรังจากเหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำอนุญาตปิดซ่อม 3 โรงกลั่นพร้อมกัน "ปั๊มแบรนด์" ต้องปันส่วน "ปั๊มอิสระ" ต้องปิดตัว เหตุคลังตั้งราคาไม่อยากขาย แพงกว่าหน้าปั๊มแบรนด์

วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่ จ.สงขลา ได้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งดีเซลและแก๊สโซฮอล์ 95 ในคลังน้ำมันในภาคใต้ ทั้งคลังน้ำมันที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งเป็นคลังร่วมของบริษัท เอสโซ่ คาลเท็กซ์ เชลล์ และ ปตท. จ่ายน้ำมันให้แก่ปั๊มน้ำมันใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง และคลังที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ่ายน้ำมันให้ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยได้แจ้งลูกค้าที่เป็นปั๊มแบรนด์ของตนเองและจ็อบเบอร์ซึ่งเป็นตัวแทนการค้าส่งให้ทราบว่า เกิดการขาดแคลนน้ำมันและมีราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาค้าส่งที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันขายให้แก่จ็อบเบอร์ ต้องขายในราคาที่แพงกว่าราคาหน้าปั๊มที่เป็นแบรนด์ของบริษัท ทำให้ปั๊มอิสระได้รับผลกระทบต้องปิดตัวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังต้องปันส่วนน้ำมันชนิดต่างๆ แบบวันต่อวันตามสต๊อกของน้ำมันในคลัง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงคลังน้ำมัน อ.สิงหนคร เปิดเผยว่า สาเหตุที่น้ำมันขาดแคลนในห้วงของปลายปีเกิดจากสภาวะของการขาดแคลนน้ำมันที่เรียกว่า สต๊อกต่ำมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากมีวิกฤตน้ำมันเกิดขึ้นตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน และกลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังในวงการค้าน้ำมันมาเรื่อยๆ ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาแพง และรัฐบาลได้ตรึงราคาขายของดีเซลเอาไว้ที่ลิตรละ 35 บาท ไม่เป็นไปตามกลไกการขึ้นลงของราคาน้ำมันโลก

"นอกจากนี้ รัฐบาลยังเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกวัน ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไม่เป็นไปตามความเป็นจริง" เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าว

กระทรวงพลังงานยังอนุญาตให้โรงกลั่นปิดซ่อมบำรุงประจำปีทีเดียวพร้อมกัน 3 โรง เป็นเหตุให้เกิดการขาดแคลนน้ำมัน หรือคลังมีสต๊อกต่ำ ต้องมีการบริหารจัดการในการขาย โดยขายให้ปั๊มแบรนด์ของบริษัทก่อน แต่ด้วยปริมาณน้ำมันที่มีอยู่จำกัด จึงต้องแบ่งปันโดยมีกำหนดโควตาในการขาย เช่น ปั๊ม ก สั่งน้ำมันดีเซล 15,000 ลิตร ตัดเหลือ 9,000 ลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 จำกัดปริมาณให้ปั๊มละ 3,000 ลิตร เป็นต้น

ทำให้ปั๊มจำนวนมากมีน้ำมันไม่พอขายให้ลูกค้าในแต่ละวัน และไม่ขายให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อใส่ถัง หรือแกลลอนเพื่อนำไปใช้ในการเกษตร ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของปั๊มและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีปั๊มที่มีแบรนด์ เพราะปั๊มอิสระปิดตัว เนื่องจากแบกรับราคาน้ำมันที่แพงไม่ไหวและยังประสบกับปัญหาที่คลังไม่ยอมขายน้ำมันให้แก่จ็อบเบอร์


จ็อบเบอร์รายใหญ่ของภาคใต้กล่าวว่า คลังมีโควตาให้จ็อบเบอร์ในจำนวนจำกัด น้อยมาก จาก 100,000 ลิตรต่อผลิตภัณฑ์ เหลือเพียง 10,000 ลิตรต่อผลิตภัณฑ์ ทำให้ลูกค้าจำนวนมากไม่ได้น้ำมันไปขายในปั๊ม รวมทั้งราคาขายส่งที่กำหนดโดยคลัง เป็นราคาที่กำหนดเพียงไม่ต้องการขาย เช่น แก๊สโซฮอล์ 95 ซึ่งปั๊มที่มีโลโก้ของบริษัทขายอยู่ที่ลิตรละ 35.50 แต่คลังขายส่งในราคาค้าส่งลิตรละ 39 บาท ซึ่งเป็นการตั้งราคาเพื่อไม่ขาย

จากการตรวจสอบพบว่า การขาดแคลนน้ำมันไม่ได้เกิดเฉพาะในภาคใต้ แต่มีการขาดแคลนทั้งประเทศ เช่น คลังน้ำมันที่ จ.อยุธยา แจ้งให้ลูกค้าทราบว่ามีโควตาน้ำมันดีเซล 350,000 ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 หยุดจ่าย แก๊สโซฮอล์ 91 เหลือ 30,000 ลิตร คลังน้ำมันที่ จ.ระยอง น้ำมันดีเซล บี 7 เหลือ 780,000 ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เหลือ 140,000 ลิตร

บางวันจะส่งข้อความว่า คลังอยุธยาน้ำมันหมดแล้ว ขออภัยในความไม่สะดวก หรือโออาร์ที่แจ้งลูกค้าว่า เนื่องจากปริมาณน้ำมันมีอยู่จำกัดจึงจำเป็นต้องชะลอการขาย ขอให้ลูกค้าตรวจสอบราคาก่อนรับน้ำมัน หรือการส่งข้อความจากคลัง หรือจากบริษัทมาถึงจ็อบเบอร์ว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำมันในประเทศถือว่าซัปพลายตึงตัว เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ไออาร์พีซี ยังดำเนินการไม่ได้ จึงทำให้น้ำมันออกสู่ตลาดน้อย สถานการณ์อย่างนี้น่าจะอยู่ถึงสิ้นปี เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังพบว่าโรงกลั่นรายงานข้อเท็จจริงเรื่องค่าการตลาดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น ปั๊มได้ค่าการตลาดจากแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 4 บาท ซึ่งข้อเท็จจริงค่าการตลาดของปั๊มได้ลิตรละไม่ถึง 1 บาท ค่าการตลาดดีเซล ลิตรละ 60 สตางค์ ไม่ได้เป็นไปตามตารางที่โรงกลั่นแจ้งให้แก่กระทรวงพลังงาน

ผู้ประกอบการรายหนึ่งเปิดเผยว่า การบริหารเรื่องน้ำมันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงพลังงานล้มเหลว เพราะไม่เคยทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ฟังแต่การรายงานของโรงกลั่น และบริษัทผู้ค้าน้ำมันที่ปกปิดข้อเท็จจริง รวมทั้งไม่มีผู้รับผิดชอบเรื่องของคลังน้ำมันในภูมิภาคต่างๆ เพราะทุกอย่างขึ้นตรงกับกรมธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่วนกลาง ส่วนสำนักงานพลังงานจังหวัดในพื้นที่ซึ่งมีคลังน้ำมันตั้งอยู่ ไม่ได้มีหน้าที่ในการกำกับดูแลคลังน้ำมันในพื้นที่แต่อย่างใด เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันและผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวมทั้งประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการบริการที่ผิดพลาดของรัฐบาล




กำลังโหลดความคิดเห็น