ทนายตั้มแถลงคำใบ้เพิ่มเติม ปมลูกความฟ้องแพ่งภรรยามีชู้กับอดีตรองนายกฯ ชี้เกี่ยวข้องกับมหาดไทย ชอบเล่นกอล์ฟแต่ไม่ชอบสนามอัลไพน์ ไม่มียศตำรวจ อายุมาก ลาออกจากพรรคตั้งแต่ปี 61 เผยลูกความถูกชายฉกรรจ์ข่มขู่ เตรียมร้องรอง ผบ.ตร.อีกครั้ง ด้าน "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ" โต้กลับไม่ใช่ตน กำลังจัดการ อยากให้เพื่อไทยขับทนายออกจากพรรค ทนายตั้มโต้กลับ ยังไม่ได้พูดชื่อเลย ร้อนตัวหรือเปล่า
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่สำนักงานษิทราลอว์เฟิร์ม อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ สาทร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง แถลงข่าวคดีฟ้องชู้ ที่ลูกความซึ่งเป็นสามีขอความช่วยเหลือ หลังพบว่าภรรยาเป็นชู้กับนาย ย. อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากลูกความมาปรึกษาว่า ภรรยาทำงานอยู่ที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง มีท่าทีเปลี่ยนไป จึงสังเกตพฤติกรรม เมื่อเปิดโทรศัพท์มือถือพบข้อความแชตไลน์กับผู้ชายรายหนึ่ง เป็นนาย ย. อดีตรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งภาพเปลือยของทั้งคู่ เหตุเกิดช่วงเดือน ต.ค. 2565 ปีที่ผ่านมา เมื่อขอหย่าภรรยากลับไม่ยอมหย่า ตนจึงแนะนำให้ฟ้องแพ่งเรื่องชู้สาวเรียกค่าทดแทนได้ทั้งภรรยาและชู้ คือนาย ย. ซึ่งได้ฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย ไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 ศาลนัดไต่สวนเดือน มี.ค. 2566
ระหว่างนั้น นาย ย. อดีตรองนายกรัฐมนตรี พยายามตีตัวออกห่าง พร้อมกับฟ้องภรรยาว่าหลอกลวง ขอให้คืนทรัพย์สินต่างๆ จึงได้นัดเจรจาคดีความที่ สน.บางยี่ขัน แต่ลูกความอ้างว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในโรงพัก มีพฤติกรรมข่มขู่ และตามมาคุกคามที่บ้าน จึงกังวลเรื่องความปลอดภัย ลูกความจึงขอคำปรึกษาและให้เปิดเผยเรื่องราวนี้ต่อสื่อมวลชนออกสู่สาธารณะเพื่อป้องกันตัว และอยากให้ประชาชนได้รู้พฤติกรรม ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปแล้ว นาย ย.เป็นถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี ควรมีจริยธรรม ไม่ควรมายุ่งกับคนที่มีสามีแล้ว แต่ที่บอกชื่อไปตรงๆ ไม่ได้ รวมถึงไม่ไปเอ่ยถึงพรรคการเมือง หรืออยู่ในนายกรัฐมนตรีสมัยไหน เพราะต้องป้องกันตัวเองด้วย
นายษิทรายังใบ้เพิ่มเติมว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรีอักษรย่อ ย.ยักษ์ เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ชอบกีฬากอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ รวมถึงไม่มียศทางตำรวจ อายุมากแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เพราะออกจากพรรคตั้งแต่ปี 2561 ส่วนจะเคยมีพฤติกรรมลักษณะชู้สาวกับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้ แต่กับลูกความตัวเอง ถือว่ามีหลักฐานข้อความแชต รูปภาพครบถ้วนชัดเจน ดังนั้นการที่บุคคลที่รู้ตัวเองอยู่แล้ว ออกมาปฏิเสธ ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะเข้าไปยื่นหนังสือข้อมูลหลักฐานถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.มหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังทราบการแถลงข่าวจากนายษิทรา ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดยืนยันไม่ใช่ตัวเองแน่นอน เพราะอดีตรองนายกรัฐมนตรีมีตั้งหลายคน ตนทราบเรื่องนี้หมดทุกอย่างแล้ว กำลังจัดการอยู่ อีกทั้งอยากให้พรรคเพื่อไทยขับนายษิทราออกมาจากพรรค เพราะนายษิทราเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ต่อมาเวลา 14.13 น. เฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ข้อความระบุว่า อ้าว "คุณยงยุทธ ผมยังไม่ได้พูดชื่อคุณเลย ร้อนตัวอะไรหรือเปล่าครับ แล้วจะมาขับผมออกจากพรรคเพื่อไทยทำไม ในเมื่อผมเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่มีความนิยมชมชอบในพรรคเหมือนประชาชนทั่วไปมาหลายปีแล้ว ผมทำผิดอะไรในการให้คำแนะนำกับลูกความ และช่วยปัดเป่าทำความสะอาดพรรค ไม่ให้พรรคมัวหมอง" และยังทิ้งท้ายว่า "ถ้าจะขับออกขอเงิน 2,000 บาทคืนด้วยนะ"
