กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวหากูเกิลละเมิดสถานะผู้นำในตลาดโฆษณาดิจิทัล พร้อมขู่ยุบธุรกิจหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของหนึ่งในบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ประสบความสำเร็จที่สุดในซิลิคอนแวลลีย์แห่งนี้ ด้านกูเกิลยันไม่ได้ผูกขาดตลาด แถมมีคู่แข่งระดับบิ๊กเทค อย่างแอมะซอน เมตา และไมโครซอฟท์ ชี้การฟ้องร้องนี้จะบั่นทอนนวัตกรรม ทำให้ค่าโฆษณาแพงขึ้น และทำให้ธุรกิจขนาดเล็กโตยากขึ้น
คดีนี้เป็นคดีที่สองที่รัฐบาลสหรัฐฯ ฟ้องร้องกูเกิลละเมิดกฎหมายต่อต้านการกีดกันการค้า และคดีแรกนับจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยคดีแรกนั้นซึ่งพุ่งเป้าไปที่เรื่องกูเกิลเข้าครอบงำพวกเครื่องมือค้นหา คาดหมายว่าจะเริ่มการไต่สวนปลายปีนี้ ส่วนคดีล่าสุด เป้าหมายของอัยการอยู่ที่ธุรกิจโฆษณาที่ทำยอดขายให้กูเกิลกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021
รัฐบาลสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร (24 ม.ค.) ว่า กูเกิลควรถูกบีบให้ขายธุรกิจชุดเครื่องมือจัดการโฆษณา “กูเกิล แอด แมเนเจอร์” เพื่อจัดการกับธุรกิจที่สร้างรายได้ให้บริษัทแห่งนี้ถึง 12% ของรายได้ทั้งหมด และยังมีบทบาทสำคัญในยอดขายเครื่องมือค้นหาและคลาวด์ทั้งหมดของกูเกิล
กูเกิล แอด แมเนเจอร์ คือ ชุดเครื่องมือที่รวมถึงเครื่องมือที่ช่วยให้เว็บไซต์ต่างๆ เสนอพื้นที่โฆษณาสำหรับการขายหรือแลกเปลี่ยนซึ่งมีการจับคู่ผู้ลงโฆษณากับผู้เผยแพร่โฆษณาโดยอัตโนมัติ
ผู้ลงโฆษณาและผู้เผยแพร่โฆษณาบนเว็บไซต์ร้องเรียนว่า กูเกิลไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสว่า แบ่งรายได้จากการโฆษณาเข้ากระเป๋าตัวเองและแบ่งให้ผู้เผยแพร่โฆษณาเท่าใด
กระทรวงยุติธรรมระบุว่า กูเกิลใช้วิธีการที่กีดกันการแข่งขันและจำกัดคู่แข่งที่ถือว่าผิดกฎหมายเพื่อขจัดหรือทำลายภัยคุกคามที่มีต่อสถานะการครอบงำของตนเองเหนือเทคโนโลยีโฆษณาระบบดิจิทัล
คดีนี้เป็นการฟ้องร้องร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กับอีก 8 รัฐ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด คอนเนตทิคัต นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก โรดไอส์แลนด์ เทนเนสซี และเวอร์จิเนีย
ทางอัยการขอวสหรัฐฯ ระบุว่า ปัจจุบันกูเกิลควบคุมการโฆษณาทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย เท่ากับว่าผู้สร้างเว็บไซต์มีรายได้น้อยลง ขณะที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายแพงขึ้น และนวัตกรรมโดยรวมถูกปิดกั้นจากการขาดแคลนคู่แข่งในตลาด
ทางด้านกูเกิลที่มีรายได้ 80% จากธุรกิจโฆษณา ตอบโต้ว่า รัฐบาลกำลังทุ่มเทความพยายามมากขึ้นกับข้อโต้แย้งที่ผิดพลาดซึ่งจะบั่นทอนนวัตกรรม ทำให้ค่าโฆษณาแพงขึ้น และทำให้ธุรกิจขนาดเล็กโตยากขึ้น
บริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่แห่งนี้ยังโต้แย้งเรื่องการผูกขาดตลาด โดยระบุว่า คู่แข่งในตลาดโฆษณาออนไลน์มีทั้งแอมะซอน เมตา และไมโครซอฟท์ และสำทับว่า การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นความพยายามของกระทรวงยุติธรรมในการเลือกผู้ชนะและผู้แพ้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการโฆษณาที่มีการแข่งขันสูง
สมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ขานรับว่า การฟ้องร้องนี้ไม่ได้พิจารณาคู่แข่งของกูเกิลนอกระบบออนไลน์ ที่รวมถึงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ทีวี และวิทยุด้วย
ทางด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า การตรวจสอบและฟ้องร้องเหล่าบิ๊กเทคมีเป้าหมายในการปรับปรุงสถานการณ์การแข่งขันให้มีความเท่าเทียมสำหรับผู้เล่นและผู้เผยแพร่โฆษณาขนาดเล็ก กับกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รวมถึงแอมะซอน เมตา แพลตฟอร์มเจ้าของเฟซบุ๊ก และแอปเปิล
ชาร์ล็อตต์ สไลแมน ผู้อำนวยการด้านนโยบายการแข่งขันของพับลิก โนว์เลดจ์ ชี้ว่า การฟ้องกูเกิลผูกขาดเทคโนโลยีการโฆษณามีเป้าหมายที่หัวใจของยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตแห่งนี้
เอเวอลีน มิตเชลล์ นักวิเคราะห์ของอินไซเดอร์ อินเทลลิเจนซ์ มองว่า กูเกิลควรกังวลกับคดีฟ้องร้องล่าสุด เนื่องจากโฆษณาเป็นแหล่งรายได้หลัก และธุรกิจโฆษณาของกูเกิลยังมีอิทธิพลจากขนาดและวิธีที่บริษัทผนวกรวมผลิตภัณฑ์โฆษณาเข้าไว้ด้วยกัน
นอกจากนี้ ธุรกิจโฆษณาของกูเกิลยังเผชิญการตรวจสอบครั้งใหญ่ในยุโรป ซึ่งอาจมีการตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการปลายปีนี้
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)