รอยเตอร์ - สภาแห่งชาติของเวียดนามเลือก หวอ วัน เถือง (Vo Van Thuong) เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ ในการสับเปลี่ยนผู้นำระดับสูงของประเทศท่ามกลางการปราบปรามการทุจริตรับสินบน
ในการประชุมวิสามัญ สมาชิกสภานิติบัญญัติรับรองหวอ วัน เถือง อายุ 52 ปี หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์เสนอชื่อเขาเมื่อวันพุธ (1) เป็นประธานาธิบดี ที่มีบทบาทส่วนใหญ่ในเชิงพิธีการแต่เป็นหนึ่งใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศ
การเลือกหวอ วัน เถือง เป็นประธานาธิบดีนี้ มีขึ้นหลังจากอดีตประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุ้ก ลาออกอย่างกะทันหันในเดือน ม.ค. หลังจากพรรคได้กล่าวโทษว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ‘ละเมิดและกระทำความผิด’ ในสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่องการปราบปรามการทุจริตของประเทศ
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของเขาต่อสภาในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ เถืองกล่าวว่าเขาจะดำเนินการต่อสู้กับการทุจริตอย่างแน่วแน่มั่นคงต่อไป
“ผมจะจงรักภักดีต่อปิตุภูมิ ประชาชน และรัฐธรรมนูญ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพรรค รัฐ และประชาชน” เถือง กล่าวถ้อยแถลงที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ของทางการเวียดนาม
เถืองเป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดในโปลิตบูโร องค์กรสูงสุดของพรรคที่ทำหน้าที่ตัดสินใจนโยบายสำคัญต่างๆ และถือเป็นผู้คร่ำหวอดในพรรค โดยเริ่มอาชีพทางการเมืองในองค์กรเยาวชนคอมมิวนิสต์ที่มหาวิทยาลัย
เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากความใกล้ชิดกับเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรค บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเวียดนาม และยังเป็นแกนหลักของการต่อสู้กับการทุจริตของพรรค
ตัวแทนมูลนิธิ Konrad Adenauer Foundation ของเยอรมนีในเวียดนามกล่าวว่า การปราบปรามการทุจริตจะไม่ลดความร้อนแรงลงในอนาคตอันใกล้ ขณะที่นักการทูตและนักธุรกิจแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริตรับสินบน เนื่องจากทำให้การทำธุรกรรมตามปกติในเวียดนามเป็นอัมพาต เพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะเข้าไปพัวพันในการปราบปราม
นักการทูตในกรุงฮานอยกล่าวว่า การเลือกหวอ วัน เถือง ถือเป็นก้าวสำคัญของเลขาธิการจ่อง ท่ามกลางการแข่งขันชิงตำแหน่งของเขา ที่ผู้นำอายุ 78 ปีรายนี้อาจก้าวลงก่อนครบวาระสมัยที่ 3 ในปี 2569
ปกติแล้วตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคจะเลือกจากหนึ่งในผู้นำระดับสูงของประเทศ
หวอ วัน เถือง ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียง 98.38% ตามข้อมูลที่ระบุบนเว็บไซต์ของสภา
นักวิเคราะห์และนักลงทุนมองว่าการแต่งตั้งครั้งนี้บ่งชี้ถึงความต่อเนื่องในนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจ
“จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในด้านนโยบายต่างประเทศของเวียดนามหลังการเลือกหวอ วัน เถือง” นักวิชาการอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนามจากสถาบัน ISEAS–Yusof Ishak สิงคโปร์ กล่าว
นักลงทุนต่างชาติในเวียดนามรายหนึ่งที่ปฏิเสธจะระบุชื่อกล่าวว่าการเลือกตั้งนี้ได้ยุติความไม่แน่นอนที่เกิดจากการปลดอดีตประธานาธิบดีอย่างกะทันหัน
“นั่นหมายความว่าเสถียรภาพและความสามารถในการคาดการณ์ได้ได้ฟื้นคืนกลับมา” นักลงทุนต่างชาติ กล่าว
เวียดนามเป็นผู้รับการลงทุนจากต่างชาติรายใหญ่ โดยผู้นำทางธุรกิจมักอ้างถึงเสถียรภาพทางการเมืองว่าเป็นเหตุผลหลักของการลงทุน.