xs
xsm
sm
md
lg

"ทักษิณ" จ้อสื่อนอก ฟันธง “ถ้าอุ๊งอิ๊งชนะ” เป็นนายกฯ ไม่โดนรัฐประหาร ฮือฮา! วิเคราะห์ “สงครามยูเครน” เทียบกองทัพไทยบวกจุดยืนประเทศกลางภูมิศาสตร์การเมืองโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เอเจนซีส์ - อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งส่งลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร ลงชิงศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ท่ามกลางข่าวคู่ปรับคนสำคัญ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งอีกครั้งด้วยเช่นกัน ให้ข่าวสื่อนอกยืนยันกองทัพและทหารไม่ควรยุ่งการเมืองเด็ดขาด ชี้สงครามยูเครนทำให้รู้ว่ายุทโธปกรณ์กองทัพไทยล้าสมัย สมควรใส่ใจป้องกันประเทศดีกว่า รวมวิเคราะห์จุดยืนไทยกลางกระแสเชี่ยวกรากของภูมิศาสตร์การเมืองโลก อดีตผู้นำไทยซึ่งยังคงอยู่ระหว่างหลบหนีคดีในต่างแดนชี้เหตุผลส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนที่ 2 ลงเพราะคนยังอยากเห็นคนตระกูลชินวัตรเป็นหัวหอกของพรรคเพื่อไทยต่อ

นิเคอิเอเชีย สื่อญี่ปุ่นรายงานวานนี้ (25 มี.ค.) ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2007 และสร้างประวัติศาสตร์แลนด์สไลด์และกำลังจะมีอายุครบ 74 ปี ในกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ผ่านการถูกทำรัฐประหาร 2 ครั้งในปี 2006 และ 2008 ก่อนจะหลบไปอาศัยอยู่ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับนิเคอิเอเชีย ที่โรงแรมอิมพีเรียล กลางกรุงโตเกียว ซึ่งการตีพิมพ์การสัมภาษณ์ของนิเคอิเอเชียนี้ตรงกันกับวันเดียวกันกับที่สื่อนอกอื่นๆ รายงานว่า บิ๊กตู่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คู่ปรับทางการเมืองของเขาประกาศลงรับสมัครเลือกตั้งเพื่อกลับเข้ามาอีกครั้ง

สื่อญี่ปุ่นชี้แจงว่า การสัมภาษณ์อดีตนายกฯ ทักษิณ ครั้งนี้อยู่ในรูปภาษาอังกฤษและภาษาไทยผสมกัน และรายงานที่ออกมาเป็นการตัดต่อเพื่อความถูกต้องของเนื้อหา

ทักษิณ อ้างว่า ตัวเองจำเป็นต้องถูกทำให้เป็นผู้สังเกตการณ์จากแดนไกลเนื่องมาจากกฎหมายได้ห้ามไว้ ยืนยันแต่ยังคงออกมาแสดงความเห็นในคลับเฮาส์เป็นบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเศรษฐกิจ "ความเหลื่อมล้ำทางรายได้" ทักษิณซึ่งเป็นมหาเศรษฐีพันล้านของไทยจากโทรคมนาคมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยของเขาเชื่อว่าช่องว่างความเหลื่อมล้ำมีสูง และหากยิ่งมีคนรายได้สูงมากขึ้น การเก็บภาษีย่อมมากขึ้นตามมา

เขาย้ำว่า ตามทัศนคติของตัวเองการบริหารธุรกิจกับการบริหารประเทศนั้นคล้ายกัน กล่าวคือ กุญแจสำคัญคือ "การทำให้คนมีความสุข" การบริหารประเทศที่นอกเหนือจากเศรษฐกิจแล้วมันต้องมีทั้งสันติภาพและความเห็นอกเห็นใจ และหากปราศจากความเห็นอกเห็นใจประเทศชาติจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อนิเคอิเอเชียถามตรงไปตรงมาว่า หากพรรคเพื่อไทยที่นำโดยลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ชนะเลือกตั้งและกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งจะไม่มีการประท้วงต่อต้านระบอบทักษิณกลับมาอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งการปฏิวัติรัฐประหารรอบต่อไปอีกหรือ

อดีตผู้นำไทยกล่าวว่า “ผมไม่คิดเช่นนั้น มันอาจจะมีการประท้วงเกิดขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่กับกลุ่มคนที่ต้องการรายได้หรือไร้งาน...มีคนจำนวนมากขึ้นได้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตเพื่อเห็นว่าอะไรถูกอะไรผิด มันเปลี่ยนไปแล้ว”

และทักษิณปฏิเสธเสียงหลงว่า ไม่เชื่อว่าจะมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเขากล่าวต่ออย่างหนักแน่นว่า “ไม่ ผมไม่คิดว่าผู้คนต้องการที่จะได้รับความบอบช้ำเพิ่ม 8 ปีมันนานพอแล้ว”

เขากล่าวปฏิเสธแนวคิดที่ว่ากองทัพควรยุ่งการเมืองว่า “ไม่ (เพราะ) คนเหล่านี้ควรกลับไปสู่หน้าที่และอาชีพของตัวเองและพัฒนาการป้องกันประเทศ พวกเขาต้องเรียนรู้ให้มากเพราะทุกสิ่งเปลี่ยนไป” เขาย้ำว่ากองทัพไม่ควรยุ่งการเมือง 100%

ทักษิณ กล่าววิจารณ์รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างหนักหน่วงว่า ไม่เข้าใจในประเด็นเศรษฐกิจและการจัดการบริหาร โดยชี้ไปว่ารัฐบาลประยุทธ์เป็นพวกรัฐบาลงานรูทีน ไร้ยุทธศาสตร์ ไม่เข้าใจคำว่า “ความมั่งคั่ง” (prosperity) พร้อมย้ำว่า “สันติ” เป็นสิ่งที่ดี แต่ในทัศนะของทักษิณเขากลับเห็นว่า มันยังไม่พอมันต้องเป็นการเข้าถึงแบบองค์รวม

อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ยังได้โยงโดยกล่าวไปถึง สงครามยูเครน ว่า “หากคุณมองไปที่สงครามยูเครน อาวุธยุทโธปกรณ์ที่พวกเรามีนั้นเป็นอาวุธตามแบบธรรมดามาก (conventional weapons) กองทัพสมควรต้องให้ความใส่ใจกับหน้าที่และอาชีพของตัวเอง”

นิเคอิเอเชียของญี่ปุ่นซึ่งมีนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอ คิชิดะ เพิ่งเดินทางกลับออกมาจากยูเครนหลังจากพบกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นการพบกันที่กรุงเคียฟแบบแบ็กทูแบ็ก (back to back) ในเวลาเดียวกับที่ ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เยือนกรุงมอสโกและพบกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ท่ามกลางความเชี่ยวกรากการเผชิญหน้าระหว่างค่ายเสรีประชาธิปไตยและค่ายอำนาจนิยมในเวลานี้ สื่อญี่ปุ่นชี้เป้าด้วยการตั้งคำถามถึงการที่ไทยไม่ร่วมสนับสนุนประชาคมโลกในการคว่ำบาตรรัสเซียเหมือนชาติอื่นๆ

อดีตนายกฯ ไทยกล่าวออกตัวกับนิเคอิเอเชียว่า “ผมไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ผมคิดว่าประเทศไทยจะยืนแนวทางเป็นกลาง ซึ่ง (ไทย) ความสัมพันธ์ที่มียาวนานกับรัสเซียย้อนไปไกลถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ดังนั้นผมคิดว่าพวกเขาพยายามไม่ก้าวก่าย”

และเมื่อโดนจี้ถามถึงที่ยืนของไทยระหว่างค่ายเสรีประชาธิปไตยและค่ายอำนาจนิยม เขากล่าวตอบกลับมาว่า “ผมไม่รู้ แต่มันไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่หรือ ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญสมควรสามารถแก้ไขเพื่อความเท่าเทียมและเพื่อทุกคน” และเขากล่าวตัดพ้อว่า “แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญนี้แก้ยากมาก”

เขากล่าวว่า อย่างไรก็ตามตัวเองไม่คิดว่าไทยจะสามารถเป็นประชาธิปไตยได้ถึง 100% ได้แค่ 80% ก็ดีแล้ว

ในการให้สัมภาษณ์ อดีตนายกฯ ยังกล่าวต่อไปถึงประเด็นการปรับปรุงที่ยืนของไทยในระดับโลกว่า ไทยจำเป็นต้องปรับปรุงระบบยุติธรรมโดยชี้ไปถึงการปฏิรูปทางตุลาการ

ทักษิณ กล่าวต่อว่า หากว่าเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล ไทยจะมีความสำคัญมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเวทีอาเซียน เขาโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ในระดับอาเซียนไทยกำลังเป็นเหมือนพันธมิตรที่กำลังนอนหลับ มันหมายความว่าเสียงของเรามันไม่ใช่เสียงที่แท้จริง

ทักษิณอ้างกับนิเคอิเอเชียว่า เหตุที่จำเป็นต้องส่งตัวลูกสาวแก้วตาดวงใจคนที่ 2 เข้าสู่สนามเลือกตั้งเพราะพี่น้องประชาชนเรียกร้อง

“ทั้งนี้ พวกเราได้หารือกันภายในครอบครัวและได้ตรวจสอบว่าคนอื่นๆ เขาคิดอย่างไร พวกเขาต้องการเห็นคนตระกูลชินลงเป็นตัวแทนเป็นหัวหอกในพรรค ดังนั้น พวกเราจึงหาอาสาสมัครและมาจบที่แพทองธารเป็นคนอาสา”

อย่างไรก็ตาม ในการตอบคำถาม อดีตผู้นำไทยยังแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ชี้ชัดลงไปว่าจะยอมให้ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนที่ 2 เป็นนายกฯ ตามอย่างตัวเองหรือไม่

เขาตอบว่า “มันขึ้นอยู่กับที่ตัวลูกและกับทางพรรค เพราะพรรคจะเป็นผู้เสนอ 3 รายชื่อสำหรับตำแหน่ง ผมแค่คิดว่าลูก (อุ๊งอิ๊ง) ต้องการที่จะเป็นแม่เหล็กสำหรับป็อปปูลาร์ โหวต แต่กลับกลายเป็นว่าลูกมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คาดไว้” พร้อมกับชี้ว่า ลูกสาวจำเป็นต้องหารือกับสามีด้วย

ในการให้สัมภาษณ์ ทักษิณ ประเมินว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้แลนด์สไลด์เหมือนเมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทยของเขาได้ไปเมื่อปี 2005 ที่ 377 ที่นั่ง โดยชี้ว่า คนต้องการออกไปโหวตให้พรรคที่มีนโยบายที่ใช่เพื่อเป้าหมายล้มรัฐบาลปัจจุบันให้ออกไป

โดยชี้ว่า “ในเวลานี้บรรยากาศเหมือนและต่างกันแค่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับสมัยพรรคไทยรักไทยชนะ 377 ที่นั่งปี 2005 โดยในเวลานั้นประชาชนต้องการให้ผมชนะ และดังนั้น ทุกคนจึงโหวตในทิศทางเดียว แต่วันนี้ประชาชนต่างมีความคิดเดียวที่ว่าต้องการกำจัดรัฐบาลชุดนี้ออกไป พวกเขาต้องการความเปลี่ยนแปลงและผู้ใช้สิทธิจะโหวตเฉพาะกับพรรคที่มีนโยบายที่ใช่...ซึ่งมันก็คงจะเป็นพรรคเพื่อไทยแน่นอน”

เมื่อถามแย้มไปถึงการจับมือพรรคอื่นเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ทักษิณกล่าวอย่างเปิดทางว่า แม้ทางพรรคจะชนะเกิน 300 ที่นั่ง ทางพรรคยังคงจำเป็นต้องการรัฐบาลผสม แต่เขาออกตัวว่า ยังไม่รู้ว่าจะเป็นพรรคใดเพราะต้องรอผลการเลือกตั้ง

และกล่าวต่อว่า “มีความน่าจะเป็นสูงว่าเพื่อไทยจะได้ตัวเลขที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ และพรรคจะใช้นโยบายเพื่อพลิกฟื้นประเทศและการสนับสนุนเชิงประชานิยม”

และเมื่อสื่อญี่ปุ่นถามถึงลักษณะการโหวตของวุฒิสมาชิก 250 คนว่า คิดว่าคนเหล่านี้จะทำตามใบสั่งกองทัพหรือไม่ ทักษิณซึ่งเคยถูกทำรัฐประหารถึง 2 รอบกล่าวว่า 

"มีบางส่วนคาดว่าจะอยู่กับฝ่ายกองทัพ ดังนั้นคนเหล่านี้ต้องออกเสียงเพื่อนายเหมือนหุ่นยนต์ แต่ผมกลับคิดว่าเพื่อไทยน่าจะชนะมากกว่า 50% ที่นั่ง ส.ว.บางส่วนคงจะโหวตให้กับเรา” และย้ำว่า “กลิ่นรัฐประหารหมดไปแล้ว ในเวลานี้ความปราถนาของประชาชนแข็งแกร่งขึ้น และหากว่าความปราถนาสำหรับพรรคใดพรรคหนึ่งมีความแข็งแกร่งมาก ไม่สมควรมีใครต่อต้านมัน”

ในการให้สัมภาษณ์ที่อาจจะคล้ายกับการส่งสารส่งไปถึงลูกสาวอุ๊งอิ๊ง โดยกลายๆ ทักษิณกล่าวว่า ไม่ว่าเพื่อไทยจะกลับเข้ามาบริหารประเทศได้อีกครั้งหรือไม่ เขาตั้งใจแล้วว่าวันหนึ่งจะกลับไทยแต่ออกตัวยืนยันว่า ไม่ต้องการได้รับการนิรโทษกรรมแบบหนึ่งแบบใด

“ผมไม่ต้องการให้รัฐบาลผสมออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวผมเอง” ชี้ว่าตัวเองห่างบ้านห่างเมืองมานานถึง 16 ปี และต้องการอยู่ใกล้ครอบครัว โดยเขากล่าวในการแสดงวาทะว่า “ผมมีเสรีภาพที่จะสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ในโลกใบนี้ แต่หากทว่าผมต้องถูกจำคุกห่างจากครอบครัวตัวเอง หากว่าผมกลับมาและต้องเข้าไปอยู่ในคุกที่เล็กกว่าซึ่งมันก็ไม่สำคัญอะไรเพราะผมเป็นคนของประชาชน”
กำลังโหลดความคิดเห็น