xs
xsm
sm
md
lg

ใครมีทองควรขายหรือซื้อเพิ่ม ชี้ไตรมาส 2 เชื่อราคาทองดิ่งลง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลกที่กำลังเกิดขึ้นในอเมริกาและยุโรป ส่งผลต่อราคาทองคำพุ่ง เพียงไม่กี่วันขยับไปบาทละ 2 พันกว่าบาท ‘จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี’ นายกสมาคมค้าทองคำ แนะควรซื้อหรือควรขายในช่วงนี้ คาดราคา spot จะอยู่ที่ระดับ 1,975 ถึง 2,010 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนวันนี้อยู่ที่ 1,951 เชื่อไตรมาส 2 มีโอกาสร่วง? ด้าน รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ บอกว่าอาการช็อกจากวิกฤตสถาบันการเงินที่เกิดขึ้น แม้จะดีขึ้น แต่ยังต้องเกาะติดว่าจะกระทบไทยหรือไม่? ส่วนใครมีเงินออมหากจะนำไปลงทุนทองคำ พันธบัตร หรือหุ้นต่างๆ ที่ไม่ชำนาญต้องประเมินความเสี่ยงด้วย ชี้มนุษย์เงินเดือนควรออมเงินไว้ และเลือกไปทำอาชีพเสริมตามที่ถนัดจะดีกว่าเพราะโลกโซเชียลเปิดกว้างสามารถค้าขายออนไลน์ได้ทั่วโลก!

วิกฤตเศรษฐกิจ-การเงินโลกที่กำลังเกิดขึ้น ตลอดเดือนมีนาคม 2566 จากการปิดตัวของสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกา ทั้งธนาคารซิลเวอร์เกต (Silvergate Bank) ธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley Bank) และธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) ซึ่งเป็นผลจากปัญหาการขาดสภาพคล่อง กระทบต่อเนื่องจากอเมริกาและยุโรป ทำให้ต้องเผชิญปัญหาวิกฤตความเชื่อมั่น จนทำให้รัฐบาลต้องมาช่วยอุ้มเพื่อจะหยุดวิกฤตครั้งนี้ ส่วนจะทำได้เพียงใด? ยังต้องติดตาม

อีกทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากวิกฤตสถาบันการเงินคือ ดอลลาร์อ่อนค่า และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาทองพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเชื่อว่าการไปลงทุนออม ‘ทอง’ จะเป็นสินทรัพย์ที่ดีและมั่นคงที่สุดในระยะยาว

แต่มีคำถามตามมาอีกว่าหากเรามีเงินก้อนโตแบบเย็นๆ หรือมีทองแท่ง ทองรูปพรรณ จำนวนหนึ่งอยู่ในมือแล้ว เราควรขายออกดีหรือไม่ในช่วงที่ทองมีราคาขึ้นในเวลานี้ หรือเราควรนำเงินเย็นๆ ไปลงทุนในกิจการอะไรถึงจะดีต่ออนาคตในระยะยาวจะดีกว่า






‘จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี’ นายกสมาคมค้าทองคำ บอกว่าเราต้องจับตาดูธนาคารของสหรัฐฯ ยังมีปัญหาอยู่หรือไม่ และสหรัฐฯ จะมีมาตรการอะไรออกมาที่จะทำให้คนที่มีเงินฝากอยู่มีความสบายใจเพราะหากยังมีปัญหาเขาจะแห่ถอนเงินจากธนาคารหันมาซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงที่สุด

โดยราคาทองจากสมาคมค้าทองคำ วันนี้ (28/03/66) ขยับลง 250 บาทเมื่อเทียบกับราคาปิดวานนี้ ราคาทองรูปพรรณขายออก อยู่ที่ 32,200 บาท ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 31,032.52 บาท ส่วนทองแท่งขายออกบาทละ 31,700 บาท และราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 31,600 บาท ขณะที่ราคาทองคำโลก (Spot ) อยู่ที่ระดับ 1,951.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

“เราต้องติดตามใกล้ชิด ถ้ามาตรการอัดฉีดที่ทยอยออกมายังไม่เชื่อมั่นจะทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นมาได้ เพราะยังมีแบงก์เล็กๆ อีกเป็น 100 แห่งที่ยังน่าเป็นห่วง ทั้งๆ ที่ขยับขึ้นมาแล้ว ถ้าลูกค้ายังไม่สบายใจอีก โอกาสที่ทองจะขึ้นมาใหม่อีกรอบมีแน่ แต่ถ้าพอใจกับมาตรการจะไม่มีปัญหา จะค่อยๆ ดีขึ้นซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง”

จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ
นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า หากสถานการณ์ยังคงอึมครึม ราคาอาจขึ้นไปอีก แต่เชื่อว่าไม่มาก ซึ่งเวลานี้แนวรับ แนวตั้งถ้าจะขยับขึ้นไปอีกน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,975 ขึ้นไปได้ถึง 2,010 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งจริงๆ แล้วการวิเคราะห์ราคาทองว่าจะขึ้นหรือลงไประดับไหนในช่วงนี้ค่อนข้างยาก เพราะมีกระแสข่าวหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ปกติ

สำหรับประชาชนที่มีทองอยู่ในมือนั้น ตั้งแต่ช่วงวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐที่ฯ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน ราคาทองขึ้นไปถึง 2,000 กว่าบาท หากเห็นว่าตัวเองมีกำไรแล้วควรจะแบ่งทำกำไรบ้าง เพราะราคาทองไม่แน่นอน อาจจะลงมาก็ได้ เพราะที่ผ่านมา ทำนิวไฮสูงที่สุดไปแล้ว แต่ยังมีโอกาสที่จะขยับขึ้นมาได้อีกเช่นกัน

“ถ้าวิกฤตยังรุนแรงอาจเป็นไปได้ที่ราคาทองจะขึ้นอีกเป็นหลักพัน แต่ยังแนะนำให้แบ่งขายบ้าง เพราะถ้าแก้ปัญหาได้ ราคาอาจจะลง แต่คงจะลงไม่มาก ซึ่งขึ้นอยู่กับลูกค้าที่ฝากเงินแบงก์เชื่อมั่นหรือไม่ ถ้าเชื่อทุกอย่างจะคลี่คลาย ราคาทองจะค่อยๆ ลง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของสถาบันการเงินสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนกรณีสงครามยูเครนไม่มีผลเท่าไหร่ต่อความผันผวนของราคาทองแล้ว”

นายจิตติ บอกอีกว่า ปกติราคาทองขึ้นแบบนี้คนจะแห่มาขาย แต่ช่วงนี้กลับมีคนมาซื้อ อยากจะบอกว่าถ้าใครคิดจะถอนเงินจากแบงก์เพื่อมาซื้อทองคำเก็บไว้ในช่วงเวลานี้นั้น อยากจะบอกว่าทำได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่ในระยะยาวไม่ดี เพราะปกติราคาทองจะลง

“ไตรมาสที่ 2 ไปแล้วโอกาสที่ทองจะดิ่งลงมีเยอะ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งคนจะอดออม เลือกใช้จ่ายแต่สิ่งที่จำเป็น”


ด้าน รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ระบุว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ใครก็ตามที่มีความคิดที่จะนำเงินออมไปใช้เพื่อไปเก็งกำไรในทองคำ พันธบัตร หรือในตลาดหุ้น ซื้อหุ้นกู้ก็ตาม ต้องเริ่มสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความชำนาญหรือไม่ และควรเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชำนาญจะดีที่สุด

“เศรษฐกิจโลกมันปั่นป่วนในแต่ละวัน คนพากันแห่ไปถอนเงิน ถอนพันธบัตรก่อนครบอายุ ทั้งๆ ที่พันธบัตรค่อนข้างจะปลอดภัยยังเกิดปัญหาได้ พวกคริปโตฯ มีความเสียหายเกิดขึ้นให้เห็นแล้ว ราคาทองคำก็ผันผวนมาก ถ้าไปเก็งกำไรแล้วออกตัวได้ทันก็ดีไป แต่ถ้าไม่ทันล่ะ เงินที่ออมไว้ก็เกิดปัญหาตามมาได้”

ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดหากใครที่ทำธุรกิจ SME อยู่แล้วควรมุ่งศึกษาหาวิธี เพิ่มทักษะในอาชีพที่ทำ หรือวางแผนขยายกิจการ รวมไปถึงมองหาลู่ทางที่จะให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งธุรกิจเหล่านี้จะคิดแค่ระยะสั้นไม่ได้ ต้องมองระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคงต่อไป

 รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง
ส่วนบรรดามนุษย์เงินเดือน ไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชนต้องคิดศึกษา วางแผนเพื่อหาอาชีพเสริมที่จะสร้างรายได้เพื่อความมั่นคงในระยะยาว เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ทุกคนแสวงหาโอกาสที่จะสร้างอาชีพเสริมได้ โดยเฉพาะการค้าขายออนไลน์ ส่งสินค้าไทยไปขายได้ทั่วโลก เป็นต้น

“มองหาอาชีพเสริมที่เราถนัด ทำอาหาร ทำดอกไม้ มีหลายอย่างที่สร้างโอกาสได้ เลือกหาอาชีพที่ตัวเองจะทำ หรือที่ทำอยู่แล้ว พัฒนาให้มันดีขึ้น ได้ฐานลูกค้า และปรับปรุงคุณภาพให้หลากหลาย บอกกับตัวเองว่าตลอดชีวิตนี้จะทำตัวนี้ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวนี้เป็นหัวใจสำคัญ ง่ายๆ เราลองหันไปดูธุรกิจสตาร์บัคส์ เริ่มจากร้านเล็กๆ ร้านเดียว เขาสามารถที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบ จนกลายเป็นตำนาน ก็เป็นตัวอย่างง่ายๆ ว่า ในโลกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะทำอะไรแบบนี้ ในยุค Social media ทำได้เลย”

ในส่วนเงินออมที่เรามีอยู่ถ้าหากจะไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเก็บไว้ถือว่ามีความมั่นคงและปลอดภัย แต่ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า พันธบัตรต้องถือระยะยาว ถ้าเรามีความจำเป็นต้องใช้จะต้องขายขาดทุน จึงต้องมีการวางแผนให้ดีถ้าคิดจะไปลงทุน


ขณะเดียวกัน ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จากสถาบันการเงินที่มีอายุยืนยาว เช่นธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ ล้ม หรือกรณีดอยช์ แบงก์ ที่มีปัญหาเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ล้วนทำให้โลกช็อก ซึ่งความตื่นตระหนกและความน่ากลัวเวลานี้แม้จะลดลงจากช่วงแรกไปพอสมควร เพราะมีการแก้ปัญหาได้ตรงประเด็น แต่จะให้ถึงขั้นมั่นใจว่าปลอดภัยนั้นต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง ซึ่งต้องตามดูว่าประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบถึงประเทศไทยอย่างไร

“ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกน่าจะกระทบไทยบ้าง ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ยังมีเงินออมควรจะเก็บเงินนี้ไว้ แล้วไปทำอาชีพเสริมที่ดี จะทำให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น และในอนาคตธุรกิจดีๆ จะเพิ่มพูนขึ้นมาได้”

รศ.ดร.สมชาย ย้ำว่า ควรเก็บเงินออมไว้และเลือกไปลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด อย่าไปตามแห่ลงทุนในสิ่งที่มีความผันผวนแล้วเราไม่มีความชำนาญ โอกาสจะเจ๊งก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้น ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนแบบนี้ควรไปหาอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้เพิ่ม โดยไม่มีความเสี่ยงจะดีกว่า!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH

กำลังโหลดความคิดเห็น