ชุมพร - แฉนายทุนขบวนการค้าไม้มงคลส่งขายจีน ที่มีอดีตข้าราชการกรมป่าไม้ นักการเมืองท้องถิ่น ขอซื้อไม้พะยูงของโรงเรียน แต่โรงเรียนไม่ขาย หันมาใช้อิทธิพลกดดันทุกรูปแบบ ด้าน ผอ.เตรียมบวชป่าต้นพะยูง
ขณะนี้ในพื้นที่ชุมพรมีรายงานว่า ขบวนการค้าไม้หวงห้าม ซึ่งมีอดีตข้าราชการกรมป่าไม้รายหนึ่ง ร่วมกับอดีตนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ไม่พอใจผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชุมโค ที่ปฏิเสธไม่ยอมขายไม้พะยูง ให้แก๊งผู้มีอิทธิพลดังกล่าว จึงพยายามเข้าหาคนใหญ่คนโตของจังหวัดมากดดันเพื่อให้ผู้อำนวยการโรงเรียนยอมขายต้นพะยูงให้
หลังทราบเรื่อง ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปที่โรงเรียนบ้านชุมโคดังกล่าว อยู่ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านหน้าถ้ำ ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร อยู่ห่างถนนสายเทศบาลปะทิว-บ้านคลองวังช้าง เพียง 200 เมตร พบกับ นายเอกชัย รัตนพงศ์ อายุ 43 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชุมโค เพื่อสอบถามปัญหาดังกล่าว
โดยนายเอกชัย กล่าวว่า ว่าตั้งแต่ที่ตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชุมโคแห่งนี้ ได้มีนายทุนกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะเข้ามาติดต่อขอซื้อไม้พะยูง ที่ทางโรงเรียนปลูกตั้งแต่ปี 2532 ตนเองได้ประชุมคณะกรรมการโรงเรียน และนำเรื่องนี้เข้าไปคุยในที่ประชุม ซึ่งคณะกรรมการทุกท่านต่างเห็นดีด้วย โดยมองว่าหากขายไม้พะยูงที่มีอยู่ได้จะนำเงินมาปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป เนื่องจากต้นไม้ที่ปลูกอยู่นั้นในช่วงฤดูฝนบางครั้งจะหักล้มลงมาทับสายไฟของชาวบ้าน ต้องแจ้งให้การไฟฟ้ามาช่วยตัดและนำไม้มาใช้ประโยชน์ในโรงเรียน
นายเอกชัย กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการโรงเรียนได้มีการบันทึกไว้ว่าจะต้องศึกษาข้อมูลเรื่องการตัดไม้พะยูงให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากไม้พะยูงเป็นไม้ห่วงห้าม ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลเรื่องการตัดไม้ รวมไปถึงการขายไม้ในโรงเรียนนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ซึ่งพื้นที่โรงเรียนเป็นที่ดินราชพัสดุ ไม่ได้เป็นที่ดินที่มีเป็นโฉนด เพราะฉะนั้น เมื่อมีการขายไม้แล้วได้เงินมาทั้งหมดจะต้องนำเข้าไปอยู่ในกองคลังราชพัสดุ โรงเรียนไม่สามารถนำเงินดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้ยุติเรื่องการตัดต้นไม้ขายไว้
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า แต่ทางกลุ่มนายทุนที่ยังมองว่าต้นไม้พะยูงนั้นมีมูลค่านับล้านบาท ยังพยายามที่จะเข้ามาขอซื้ออย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี โดยทางกลุ่มนายทุนบอกว่าขั้นตอนต่างๆ จะเป็นฝ่ายดำเนินการเองทั้งหมด
รวมไปถึงไปยื่นหนังสือเอกสารหลักฐานต่างๆ จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง และยังมีการติดต่อขอพบผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาด้วยตัวเองเพื่อจะขอตัดไม้ดังกล่าว โดยอ้างว่าจะตัดไม้ทั้งหมดที่อยู่บริเวณหน้าโรงเรียน และจะขอซื้อเพียงไม้พะยูงที่มีอยู่เท่านั้น ส่วนไม้ที่เหลือจะให้ทางโรงเรียนนำไปใช้ประโยชน์ และยังมีการพยามยามติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ทางบางหน่วยงานในจังหวัด เพื่อให้เข้ามาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทางโรงเรียนยินยอมขายไม้พะยูงให้กลุ่มนายทุน โดยให้บุคลลต่างๆ ที่อ้างว่าเป็นคนใหญ่คนโตให้เข้ามาไกล่เกลี่ย
นายเอกชัย กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงแรกนั้นตนเองมีความกังวลและกดดันพอสมควร เพราะมีหลายคนพยามยามที่จะโทร.มาคุยเรื่องไม้พะยูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มชินและไม่อยากคุยกับคนแหล่านั้น ซึ่งตนไม่อยากทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยากเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ที่ปัจจุบันหาดูได้ยากไว้ให้ลูกหลานได้ดู เพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีความอุดมสมบูรณ์ ในอนาคตตนและคณะครูที่โรงเรียน รวมไปคณะกรรมการโรงเรียนจะทำพื้นที่บริเวณนี้เป็นสวนพฤกษศาสตร์เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ จะมีการติดป้ายชื่อต้นไม้ ติดคิวอาร์โค้ดเพื่อแสดงข้อมูลของต้นไม้แต่ละชนิด และจะมีการทำพิธีบวชป่าร่วมกับทางวัด และทางชุมชนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มนายทุนกลุ่มดังกล่าวเป็นขบวนการตัดไม้ห่วงห้ามโดยเฉพาะไม้พะยูงส่งขายประเทศจีน มีอดีตข้าราชการของกรมป่าไม้ ชื่อย่อว่า “เทพ” จะคอยกำกับและสั่งการ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 ขบวนการตัดไม้หวงห้ามกลุ่มนี้ได้จ้างชาวบ้านเข้าไปลักลอบตัดไม้พะยูง ในป่าสงวนแห่งชาติที่ทับซ้อนกับเขตนิคมสหกรณ์ปะทิว พื้นที่หมู่ 8 บ้านช่องมุด ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร แล้วถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องสนธิกำลังจับกุมดำเนินคดีมาแล้วแต่ได้ผู้ต้องหาที่เป็นผู้รับจ้างตัดเท่านั้น
สำหรับโรงเรียนบ้านชุมโค เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน 90 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีเนื้อที่ จำนวน 14 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ สถานที่ประกอบการเรียน อาคาร และสนามหญ้า จำนวน 10 ไร่ ส่วนอีก 4 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกป่าธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่นต้นกระถินณรงค์ โดยเฉพาะไม้หวงห้ามประเภท ก. มีทั้งต้นกันเกรา ต้นตะเคียน ต้นพะยูง หรือต้นไม้พยุง เป็นต้นไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคลมีอยู่กว่า 20 ต้น ที่ขบวนการค้าไม้หวงห้ามมีความต้องการที่จะมาขอซื้อส่งขายประเทศจีน