xs
xsm
sm
md
lg

“บูม หมูทะ” ช็อก! ประมาทชีวิตจนเงินหลักล้านเหลือศูนย์บาท! ขนแบรนด์เนมขายกิน ไม่กล้าบอกใครกลัวโดนเหยียบซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“บูม หมูทะ” เล่าประสบการณ์ชีวิต เพิ่งผ่านวิกฤตหมดตัว ไม่มีเงินสักบาทเมื่อ 4 เดือนก่อน เหตุลงทุนอสังหาฯ เล่นคริปโตแบบไม่มีความรู้ เงินหลักล้านหมดในพริบตา ต้องเอาของแบรนด์เนมมาขายกิน บอกทำให้รู้จักชีวิตมากขึ้น ทุกวันนี้เข้าวัดทำบุญ ช่วยเหลือสังคม เป็นวิทยากรให้น้องๆ นักเรียนนักศึกษาต่อไป

เชื่อว่าก่อนหน้านี้หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “บูม หมูทะ” หรือ “นายยุทธภูมิ แก้วเข้ม” กันไม่มากก็น้อย กับภาพชายหนุ่มที่อุ้มหมาร้านหมูกระทะกลับบ้านด้วยความเมาจนเป็นที่มาของชื่อ บูม หมูทะ นั่นเอง จากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มมีชื่อเสียง มีงาน มีเงินเข้ามา จนสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ราคากว่า 20 ล้านบาท รถยนต์หรูอีก 2 คันได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจว่าเมื่อ 4 เดือนก่อนเจอวิกฤตครั้งใหญ่ถึงขั้นหมดตัว ไม่เหลือเงินสักบาท ต้องเอาของแบรนด์เนมสุดรักออกมาขาย

“ก่อนหน้านี้เราเป็นอินฟลูฯ ก็เก็บตังค์มาเรื่อยๆ และเราเป็นคนชอบเอาเงินไปต่อเงิน ด้วยการทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่แค่ร้านหมูกระทะ บูมก็มีไปซื้อคอนโดฯ ไว้ด้วย และเล่นเหรียญคริปโตไว้เหมือนกัน เพราะเพื่อนมาชวน เราก็คิดว่าเอาเงินตรงนี้แหละไปเติม เพราะอยากมีรายได้เพิ่ม สุดท้ายเพราะบูมไม่ได้ศึกษาธุรกิจเลย ไม่มีความรู้ด้วย เรื่องคริปโตก็ไม่มีความรู้ แต่เอาเงินไปลงทุน สุดท้ายก็หมด เป็นหลักล้าน ก็เยอะค่ะ

คือบูมเป็นคนที่ใจร้อน ทำเลย ลุยเลย สุดท้ายพอมาดูการเงินตัวเองมันก็หมดแล้ว จริงๆ เรื่องที่ว่าหมดตัวนี่ผ่านมาประมาณ 4 เดือนแล้ว ตอนนั้นจิตใจก็ยังไม่กลับมาได้ขนาดนี้หรอก เพราะตอนนั้นหมดตัวคือหมดจริงๆ เงินสดคือศูนย์บาท แต่ช่วงนั้นบูมได้มีการไปซื้อของที่มันสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ และด้วยความที่ลูกน้องบูมเยอะ มันก็ทำให้บูมมีสติมากขึ้นเลยนะในการใช้ชีวิต ชีวิตบูมเปลี่ยนจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้เลย ทั้งเรื่องการใช้เงินและการลงทุน”

ตัดใจยอมขายแบรนด์เนมราคา 1.8 แสน ในราคา 5 หมื่นประทังชีวิต
“จากที่เมื่อตอนก่อนจะดัง บูมเป็นคนที่เข้าวัดทำบุญอยู่แล้ว แต่พอเราดังขึ้น มีชื่อเสียงขึ้น ก็แทบไม่ได้เข้าวัดเลย มันจะมีข้ออ้างเยอะ เหนื่อย เงินเราก็หาง่าย ทำไมต้องทำ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้บูมซื้อค่านิยมให้ตัวเองด้วย ก็คือซื้อของแบรนด์เนมเยอะเลย อันนี้บูมไม่ได้โทษใคร บูมโทษตัวเองเลย และยังขอบคุณที่มาหมดตัวตอนที่เรายังมีแรงอยู่ ไม่อย่างนั้นก็แย่เลย และยังดีที่ธุรกิจร้านหมูกระทะยังดีอยู่ เป็นธุรกิจเดียว (หัวเราะ)

ถ้าไม่หมดตัวในวันนั้น วันนี้บูมก็คงไม่ได้กลับมาทำบุญ ไม่ได้กลับมาช่วยเหลือสังคมเหมือนเดิม ซึ่งตอนนั้นบูมรับไม่ได้เรื่องที่ว่าเราจะไม่มีของแบรนด์เนมพวกนี้แล้วเหรอ แต่มันก็ทำให้บูมสละของที่ไม่จำเป็น เพราะต้องขายของแบรนด์เนมพวกนั้นออกไปทั้งหมด ซึ่งบูมไม่ได้ไปขอยืมเงินใครเลย อันนี้ก็เป็นข้อดีของตัวเอง ไม่ใช่ว่าตัวเองยังมีรถดีๆ ขับ มีบ้านหรูๆ อยู่ แล้วไปขอยืมเงินคนนั้นคนนี้ บูมก็เลยยอมขายทั้งหมด กระเป๋ายันรองเท้าแตะ ซึ่งก็เป็นรองเท้าแตะแอร์เมสคู่ละแสนแปด แต่เพื่อนมาซื้อต่อไป 5 หมื่น แต่ตอนนั้น 5 หมื่นกูก็เอา (หัวเราะ)”

บอกกลับมาทำบุญเข้าวัดเหมือนเดิม ชีวิตเปลี่ยนไปหมด
“ตอนนั้นไม่ถึงกับคิดสั้น ก็แค่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่จริงๆ บูมก็ทำตัวเอง เหมือนเราใช้บุญไปเรื่อยๆ แต่ไม่เคยเติมบุญเลย แต่พอนึกย้อนกลับไปมันก็ทำให้บูมเปลี่ยนการใช้ชีวิตหมดเลย ตอนนี้บูมไปเป็นวิทยากร และได้เอาเรื่องนี้ไปสอนเด็กๆ ด้วยว่าอย่าประมาทกับชีวิต คือช่วงนั้นบูมอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหนเลยเกือบเดือน ไม่มีแพชชั่นในการทำเพจด้วย แต่พอเราเริ่มฮึดกลับมาสู้ เริ่มได้กลับมาทำบุญอีกครั้ง เมื่อก่อนเวลาเครียดบูมกินแต่เหล้า แต่ตอนนี้เวลาเครียดบูมจะเข้าวัด จะเจอบูมทุกงานบุญนะคะ ตอนนี้ตื่นมาใส่บาตรทุกเช้า พยายามทำให้เป็นชีวิตประจำวัน

ตอนนั้นที่ไม่กล้าออกมาพูดว่าหมดตัว เพราะกลัวคนเหยียบเราซ้ำ อายด้วย มั่นด้วย ซื้อบ้าน 2 หลัง รถอีก 2 คัน แต่พอทุกอย่างมันผ่านไปเรามองว่ามันตลกเนอะ ที่เราพยายามทำตัวเองให้ดูหรูหราหมาเห่า เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของหลายๆ คน แต่ตอนนั้นเพื่อนที่ดีๆ ก็มีอยู่เยอะนะ แต่เพื่อนที่ไม่ดีก็ออกไปเยอะเหมือนกัน ก็ยังมีคนทักมาอยู่ทุกวันนี้ว่ามีเงินกินข้าวไหม เป็นยังไงบ้าง”

เผยชีวิตกลับมาเป็นปกติ แต่ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีกแล้ว
“บูมกลับขึ้นมาด้วยการที่พอเรารู้แล้วว่าเราเคยอยู่จุดสูงสุด แล้วกลับลงมาที่ศูนย์ พอตอนนี้เริ่มกลับขึ้นมา มันก็ทำให้บูมไม่กลับไปใช้ชีวิตประมาทแบบเมื่อก่อน เมื่อก่อนกินเหล้าวันละ 1-2 แสนได้ เราหน้าใหญ่ใจโต เลี้ยงเพื่อนทุกคน แต่ตอนนี้เรียกว่าบูมกลับมาในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราแล้ว การเงินตอนนี้ก็คือปกติแล้ว และไม่ได้เอาไปซื้อรองเท้าแสนแปดแล้ว (หัวเราะ) ไม่สุรุ่ยสุร่ายแล้ว ก็แค่รู้สึกว่ากลับไปเป็นบูมคนเดิมดีกว่า เพราะบูมคนที่แล้วจะมีความอีโก้สูง จมไม่ลง หลงในชื่อเสียง เพราะมันดังเร็ว รวยเร็ว แต่ตอนนี้บูมอยากเป็นคนที่มีคุณค่าโดยการที่ไปเป็นวิทยากรตามมหาวิทยาลัย เอาประสบการณ์ที่ผ่านมาไปแชร์ให้น้องๆ ฟัง”





















กำลังโหลดความคิดเห็น