“ณิชา ณัฏฐณิชา” แฮปปี้เพิ่งยกเค้กฉลองวันเกิดอายุ 37 ปีให้ “พี่โตโน่” ลั่นรักยังดีสม่ำเสมอ ฝ่ายชายยังน่ารักเหมือนเดิม ไม่เคยลงสถานะ ไม่เคยเรียกแฟน เพราะไม่ต้องการ ลั่นไม่สำคัญ การกระทำสำคัญที่สุด แต่ถ้าอนาคตแต่งกับคนนี้ก็โอเค ทุกวันนี้ต่างฝ่ายต่างซัปพอร์ตกัน
เป็นคู่ที่แม้ไม่ค่อยลงรูปคู่ให้สวีตกันเท่าไหร่ แต่พอลงทีไรก็มีรอยยิ้มให้เห็นทุกครั้ง สำหรับคู่ของนางเอกสาว “ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” กับนักร้อง-พระเอกหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ที่ล่าสุดฝ่ายหญิงลงภาพหิ้วเค้กไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์แฟนหนุ่มที่บ้าน ก็เรียกรอยยิ้มจากแฟนๆ ได้อีกเช่นเคย ซึ่งสาวณิชามาเผยถึงเรื่องนี้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ “14 อีกครั้ง l love you two thousand” ณ ชั้น 7 โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บอกว่าไม่ได้ไปเซอร์ไพรส์ แต่เป็นการไปเบิร์ธเดย์ปกติเท่านั้น
“ใช่ค่ะ 37 แล้ว จริงๆ ก็เป็นวันที่ง่ายๆ ธรรมดานะ ฉลองวันเกิดกัน เป่าเค้กแค่นั้นเอง จริงๆ ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรมากมายเลย ก็แค่ไปที่บ้านพี่โน่ ไปกับแม่ แล้วก็ถือเค้กเข้าไปเบิร์ธเดย์ ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์ด้วย เดินถือเค้กเข้าไปให้ (หัวเราะ) เขาก็เออๆ มาเป่าเค้กกันแค่นั้นเลยค่ะ ไม่มีธีมอะไรเลยค่ะ พี่โน่เขาชอบเค้กที่มันหาง่ายมากๆ พอรู้ว่าเป็นร้านนี้ก็แค่สั่งมาค่ะ ไม่ได้ทำเองค่ะ ถ้าทำเองเดี๋ยวจะไม่ได้กิน (หัวเราะ)
ส่วนของขวัญ คือจริงๆ เป็นของขวัญที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิด แต่ว่ามันใกล้ๆ วันเกิดพอดี ก็เป็นแว่นค่ะ ที่ซื้อให้เพราะว่าพี่โน่ชอบมาแย่งของหนูใส่ หนูก็เลยรู้สึกว่าอย่ามาแย่งกันใส่ได้ไหม หนูก็เลยซื้อให้เลย ก็ไม่เชิงเป็นแว่นคู่หรอกค่ะ ไม่ได้ใส่คู่กันขนาดนั้น แต่อาจจะชอบที่มันลักษณะเหมือนกัน เรารู้ว่าเขาชอบ เพราะว่าเขาแย่งเราใส่บ่อย ก็เลยรู้ว่าชอบแน่ๆ ก็ซื้อให้เลย ถ้ามีโอกาสก็อาจจะได้เห็นใส่คู่กันก็ได้ค่ะ (หัวเราะ)”
บอกแฟนหนุ่มยังน่ารักเสมอ และเป็นคนขี้เขินซะด้วยซ้ำ
“น่ารักไหมล่ะ ก็น่ารักเหมือนเดิม ก็น่ารักทุกอย่าง แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่น่ารักดี เราชอบอะไรที่สบายๆ ง่ายๆ อยู่แล้ว มวลรวมมันก็เลยเป็นคำว่าน่ารักเหมือนเดิม วันนั้นก็รู้สึกว่าเป็นฟีลที่น่ารักจริงๆ มันไม่ได้มีแค่หนู มีคุณแม่พี่โน่ด้วย แม่หนูด้วย ผู้จัดการด้วย มวลรวมมันน่ารักค่ะ ก็รู้สึกว่า 37 แล้ว เขายังน่ารักเหมือนเดิม ขาก็ไม่ได้แซวอะไรนะคะ แต่เขาก็เขิน คือถ้าแกล้งเขาเยอะๆ เขาจะเขิน
ก็อวยพรปกติธรรมดาค่ะ ขอให้มีความสุข ขอให้สุขภาพแข็งแรง ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ อาการเขินของเขาจริงๆ เหมือนเวลาที่เขาโดนสัมภาษณ์เรื่องหนู ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ เขาจะพยายามเก็บทรงนิดนึง แต่เขาก็จะบอกว่าพอแล้วๆ นั่นก็คือเขินแล้ว มีเสียงสองก็มีบ้างนะคะ ก็คงเสียงซอฟต์ๆ แหละ แต่ละสถานการณ์ก็เสียงไม่เหมือนกัน”
ไม่ได้ระบุสถานะว่าแฟน เพราะการกระทำสำคัญกว่า
“ส่วนใหญ่ก็เรียกชื่อ เรียกโตโน่ เหมือนที่ทุกคนได้ยินเลยค่ะ เขาก็เรียกหนูว่าต๊อง พยาธิน้อย ทุกคนก็คงได้เห็นในคลิป จนถึงวันนี้ความรักก็ดีค่ะ จริงๆ หนูไม่ได้รู้สึกว่าต้องฝ่าฟันอะไร สบายๆ กันอยู่แล้วค่ะ เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นยังไง สบายๆ ชิลๆ เรื่อยๆ ก็รู้จักกันไป ดูแลกันไป ซัปพอร์ตกันไปแค่นั้นเอง ส่วนที่ไม่เคยได้ยินเรียกว่าแฟนกันเลย ก็มันไม่ได้คุยกัน คือถ้าหนูพูดมันก็มีขึ้นมาเอง คือเราชิลๆ ไม่ได้ว่าต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ เราเป็นคู่ที่เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ได้ฟิกซ์อะไรตายตัว ชิลๆ มาเรื่อย คือพอไม่ได้พูด แล้วอยู่ดีๆ ให้หนูมาพูด มันก็รู้สึกแปลกๆ นิดนึง
ไม่ได้รอให้เขาพูดก่อนค่ะ ไม่ต้องพูดก็ได้ หนูไม่ได้ต้องการ คือสำหรับหนูการระบุหรือไม่ได้ระบุ มันไม่ได้สำคัญ มันอยู่ที่การกระทำ และสิ่งที่เป็นมากกว่า มันสำคัญกว่า คือสำหรับหนูต่อให้เราจะเรียกอะไรก็ตาม แต่ถ้าความรู้สึกจริงๆ หรือการกระทำของเรามันไม่ได้สอดคล้องกันหรือไม่ได้เป็นแบบนั้น มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเท่าไหร่ มันอยู่ที่การกระทำมากกว่า”
ไม่เคยมีปัญหาเรื่องความต่างของอายุ แต่ที่จะเถียงกันก็มีแค่เรื่องกินข้าวเท่านั้น
“คือคนเราทุกคนไม่มีอะไรที่ตรงกันไปหมดอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าปัญหาเรื่องช่องว่างเรื่องอายุก็คือไม่มี หรือหนูไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหาก็ไม่รู้ (หัวเราะ) คือหนูก็รู้สึกว่าเป็นธรรมชาติไป หนูคิดแบบนี้ เขาคิดแบบนี้ แล้วก็มาคุยกันก็จบ ไม่ได้คิดว่ามันคือปัญหาของระยะห่างของอายุ ถ้าจะเถียงกันก็คงเรื่องกินข้าว ถ้าจะกินเยอะๆ แล้วเขาชอบบ่น หนูก็จะบอกว่าบ่นทำไม ก็มันอยากกิน ก็จะมีบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากค่ะ
ถามว่าเพราะมีความคิดที่โตด้วยกันทั้งคู่หรือเปล่า ก็ไม่หรอกค่ะ หนูไม่รู้ว่ามันโตไหม แต่หนูก็มีมุมเด็กแหละ แต่มีอะไรเราก็คุยกันแค่นั้นเอง เรียกว่าแทบไม่ค่อยทะเลาะกัน เพราะเปิดใจคุยกันตลอดค่ะ มีอะไรก็จะคุยกันเลย มันไม่เคยทะเลาะกันแบบต่อสู้ หรือข่มกันเลย มีแต่แบบว่าฉันรู้สึกอย่างนี้ คุณรู้สึกอย่างนี้ เอายังไงดี หรือแบบนี้ณิชาต้องปรับนะ อันนั้นช่วยกันปรับนะ คือมันก็คุยกันได้ค่ะ มันไม่ได้ว่าต่อสู้เป็นฝั่งตรงข้ามกัน ตอนนี้อย่างเดียวที่คุยกันคือใช้ชีวิตที่อยากทำให้ดี ณิชาอยากไปงานสายไหน อยากจะทำอะไรก็ไปให้สุดเลย หนูก็เหมือนกัน พี่อยากทำอะไรก็ทำให้สุดเหมือนกัน เรารู้สึกว่าในตอนนี้ที่เรายังมีแรงกัน เราก็อยากให้ต่างคนต่างทำในพาร์ทของตัวเองให้เต็มที่ค่ะ ก็ซัปพอร์ตกันไป
คือหนูเป็นคนที่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติมากเลย หนูไม่ได้คิดตายตัวหรือปักหมุดไว้ หนูไม่เป็นอย่างนั้น สำหรับหนูไม่ได้วางเลยว่าจะต้องแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่ ตามความรู้สึกดีกว่า เมื่อไหร่ที่รู้สึกใช่ เดี๋ยวมันจะเป็นไปเอง สมมติถ้าเป็นคนนี้จริงๆ ก็ถ้าเป็นพี่โน่ก็โอเคอยู่แล้วค่ะ มันก็คงเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้ว และมันคงโอเคแล้ว เราถึงได้อยู่ไปถึงตรงนั้น แต่ทุกวันนี้ก็เต็มที่ในพาร์ตของตัวเองก่อน หนูยังมีอีกหลายอย่างเลยที่อยากทำในชีวิต”