xs
xsm
sm
md
lg

ภาพมันฟ้อง! “อัษฎางค์” ซัดเปรี้ยง ใครใหญ่กว่านายกฯ? “จตุพร” เย้ย “อุ๊งอิ๊ง” หน.เพื่อไทย แค่เอาคนอายุน้อยไปสู้พรรคอายุน้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน แสดงความยินดีกับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค”
“อัษฎางค์” รับไม่ได้ ภาพ “เศรษฐา” ยอมศิโรราบต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย? ซัดเปรี้ยง “ใครใหญ่กว่านายกฯ” ถามลั่น นายกฯไทย หรือ นายกฯเพื่อไทย “จตุพร” เย้ย “อุ๊งอิ๊ง” หน.เพื่อไทย แค่เอาคนอายุน้อยไปสู้กับพรรคอายุน้อย

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 ต.ค. 66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า

“ใครใหญ่กว่านายกฯ

#โย่งถุงเท้าแดง #Goddaughter

ไปพบผู้นำรัสเซีย ก็แสดงกิริยากระสับกระส่าย กระวนกระวาย ลุกลี้ลุกลน อันบ่งบอกถึงความกลัว การยอมจำนนต่ออำนาจที่เหนือกว่า ก่อนจะเจรจาสำเร็จด้วยซ้ำ

#นี่หรือภาวะผู้นำของท่านผู้นำ

อยู่เมืองไทยก็แสดงกิริยาที่บ่งบอกถึงอาการเดียวกัน

ตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นนายกฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และตำแหน่งหน้าที่

แต่ก้มหัวให้เด็กผู้หญิง ที่อ่อนทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และตำแหน่งหน้าที่

ภาพ นายอัษฎางค์ ยมนาค จากแฟ้ม
#นี่หรือภาวะผู้นำของท่านผู้นำ

หรือว่านางผู้นี้มีสิ่งที่เหนือกว่า ซึ่งนั่นก็คือการเป็นลูกสาวเจ้าของพรรค

กิริยาแบบนี้ จะบ่งบอกว่า นายกรัฐมนตรีของไทย ปฏิบัติหน้าที่ “เพื่อไทย” หรือเพื่อ “พรรคเพื่อไทย” กันละ ?

#นี่หรือภาวะผู้นำของท่านผู้นำ

คำตอบอยู่ที่ภาพนี้ว่า นายกรัฐมนตรีเพื่อไทย ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อำนาจหรือยอมศิโรราบต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือไม่ ?

#นี่หรือภาวะผู้นำของท่านผู้นำ

ไปเจรจาความเมืองกับต่างชาติ ก็แสดงกิริยาศิโรราบต่อผู้นำต่างชาติ

อยู่เมืองไทยก็แสดงกิริยาศิโรราบต่อผู้นำไทย

ผู้นำไทยที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย

ส่วนนางพญาผู้นี้ยิ่งใหญ่เกินจะคาดเดา

เพราะตอนเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรค ด้วยภาพการก้มหัวคาราวะของหัวหน้าพรรคต่อหัวหน้าครอบครัวของพรรค

พอขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรีที่เป็นคนของพรรค ด้วยภาพนายกรัฐมนตรีก้มหัวคาราวะหัวหน้าพรรค

หอมกลิ่นความเจริญ บันเทิงไทย

อัษฎางค์ ยมนาค
ราษฎรภายใต้การปกครองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย”

ภาพ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ มีสาระสำคัญตอนหนึ่ง เชื่อว่า แม้ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คงไม่อาจทำให้พรรคเปลี่ยนแปลงได้มากนัก เพียงแต่ปรับภาพลักษณ์พรรคใหม่ โดยเอาคนอายุน้อยมาสู้กับพรรคคนอายุน้อยเท่านั้น

อีกทั้ง เห็นว่า การเมืองเป็นภาพมายา ตั้งแต่มีพรรคเพื่อไทยมา หัวหน้าพรรคมีคนเดียวเท่านั้น ที่เหลือเป็นหัวหน้าพรรคสมมติกันหมด แต่การเลือกอุ๊งอิ๊ง ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคครั้งนี้ เป็นเพียงหัวหน้าพรรคสมมุติเหมือนตัวจริงเพื่อมาพลิกเกมใหม่จากได้เป็นรัฐบาล แต่เสียงเลือกตั้งกลับตกต่ำมากที่สุด

“ผมเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้อุ๊งอิ๊งเป็นหรือไม่เป็นหัวหน้าพรรคก็เท่าเดิม เพียงต้องการเอาอายุน้อยไปสู้อายุน้อย แต่สถานการณ์ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเผชิญกับความบอบช้ำทางการเมือง ทั้งคำพูดและการกระทำทั้งหมด จะถูกต่างพรรคนำไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า”

“จตุพร” ย้ำว่า รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเกิดจาก รธน. 60 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ทำให้เกิดขึ้น โดย ส.ว.สาย พล.อ.ประยุทธ์ โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ และมีภาพปรากฏจึงเป็นเพียงมายา แต่ข้างหลังภาพคงซ่อนอะไรไว้ อาจเป็นข้อตกลงแลกประโยชน์กับการโหวตเป็นนายกฯ

นอกจากนี้ เห็นว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านายเศรษฐา จะเป็นคนที่น่าเห็นใจที่สุด โดยจะเจอแรงกดดันทุกทิศทาง เพราะไม่มีองคาพยพทางการเมืองเป็นของตัวเอง และภายในพรรคยังมีแต่มายาภาพแสดงความน่าเชื่อถือ เมื่ออุ๊งอิ๊ง เป็นหัวหน้าพรรคยิ่งทำให้มายาภาพคนในพรรคกระทำต่อนายกฯ ค่อยๆ เลื่อนลางไป

“อุ๊งอิ๊งได้เป็นหัวหน้าวันนี้ ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งที่ผ่านมา การเดินงานการเมืองจึงเป็นเพียงกลยุทธ์ และต้องการหลีกเลี่ยงกฎหมายเลือกตั้งที่ควบคุมแต่กรรมการบริหารพรรค อีกอย่างการไปเป็นประธานยุทธศาสตร์ต่างๆ หรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อหลีกหนีกรณียุบพรรค และกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่วันนี้เดินมาถึงจุดที่ต้องออกหน้าเอง”

“จตุพร” เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2549 เรื่อยมา คนในตระกูลชินวัตรสามารถเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว แต่วันนี้ทำไมต้องมาออกตัวกัน อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากการการโหวตของ ส.ว.สาย พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นคำตอบของทุกสิ่งอย่าง และการโหวตนี้อาจได้ตกลงกันไว้เป็นเวลานานเท่าใดไม่มีใครรู้ ดังนั้น ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ไม่รู้การเมืองจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก

“ถ้าคิดเพียงจะเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคในเวลานี้เลย แต่ถึงที่สุดการเมืองไม่แน่นอน สามารถพลิกเปลี่ยนได้เป็นชั่วโมง อีกทั้งการเมืองไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และทุกเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย”

“จตุพร” ชี้ว่า อุ๊งอิ๊ง ไม่ใช่คนใหม่ทางการเมืองแล้ว แต่เป็นคนเก่าที่อายุน้อย เพราะเคยผ่านมรสุมทางการเมืองมาแล้ว ทั้งขึ้นปราศรัยหาเสียงมากมาย แต่ไม่ได้เป็นไปตามคำพูดเลย แล้วจะฝากความหวังไว้กับนักการเมืองได้อย่างไร ดังนั้น ในเวลาที่เหลือการเลือกตั้งยังยาวไกล การมาเป็นหัวหน้าพรรคจึงอาจรองรับสถานการณ์อื่นในวันข้างหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น