อิหร่านเปิดตัวขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกเวอร์ชั่นใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ (19 พ.ย.) ที่สามารถบินหลบหลีกระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ด้วยความเร็วสูง ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อันเนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับนักรบฮามาสที่อิหร่านหนุนหลัง
ขีปนาวุธฟัตตาห์ 2 ถูกนำมาจัดแสดงที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศอาชูรา โดยแผนกการบินและอวกาศของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในกรุงเตหะราน โดยที่อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้เดินทางเยี่ยมชมสถานที่จัดแสดงนิทรรศการระบบอาวุธใหม่ๆ ด้วยตนเอง ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธฟัตตาห์ 2
การจัดแสดงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ อิสราเอลสามารถสกัดขีปนาวุธแบบทิ้งตัวจำนวนหนึ่งที่ยิงออกมาโดยกบฏฮูตีในเยเมน ที่อิหร่านให้การหนุนหลัง โดยกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลเปิดเผยว่าพวกเขาใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล "แอร์โรว์" สอยร่วงขีปนาวุธบางส่วน
อิหร่านเคยเปิดตัวขีปนาวุธฟัตตาห์ เวอร์ชันก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน โดยในตอนนั้น อ้างว่ามันมีศักยภาพพุ่งไปด้วยความเร็ว 15 เท่าของความเร็วเสียง ส่วนขีปนาวุธฟัตตาห์ 2 สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า มันสามารถเร่งสปีดแตะระดับความเร็วดังกล่าวได้เช่นกัน แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือมันติดตั้งยานร่อนความเร็วเหนือเสียง (HGV)
ทั้งนี้ ยานร่อนความเร็วเหนือเสียง (HGV) จะแยกตัวออกจากขีปนาวุธ จากนั้นจะร่อนด้วยความเร็วเหนือเสียงพุ่งเข้าหาเป้าหมาย โดยระหว่างนั้นยังสามารถบินผาดโผนได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อหลบหลีกระบบป้องกันป้องกันขีปนาวุธ
อิหร่านไม่ได้เผยแพร่วิดีโอใดๆ เกี่ยวกับการยิงทดสอบขีปนาวุธฟัตตาห์ 2 และสื่อมวลชนไม่ได้ระบุว่าขีปนาวุธใหม่นี้มีพิสัยทำการเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากเวอร์ชันก่อนหน้านี้ที่มีระยะทำการ 1,400 กิโลเมตร
ระยะทำการดังกล่าวถือว่าเป็นพิสัยทำการระยะกลางของคลังแสงขีปนาวุธที่ใหญ่โตและครอบคลุมของอิหร่าน ซึ่งทางกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามยกระดับขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกได้ขัดขวางพวกเขาจากการเข้าถึงอาวุธล้ำสมัยก็ตาม
เจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามกล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนว่า กองกำลังอาจพยายามปรับปรุงระยะพิสัยอาวุธเหนือเสียงเป็น 2,000 กิโลเมตร ซึ่งจะครอบคลุมระยะทางถึงศัตรูตัวฉกาจของอิหร่านอย่างอิสราเอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามในตอนนั้น โยอาฟ แกลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ยังมองว่าขีปนาวุธดังกล่าวของอิหร่านไม่เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่ออิสราเอล
"ผมได้ยินมาว่า ศัตรูของเราโอ้อวดเกี่ยวกับอาวุธที่พวกเขากำลังพัฒนา ต่อพัฒนาการเช่นนี้เรามีการตอบโต้ที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางทะเล ในนั้นทั้งในวิถีแห่งการป้องกันตนเองและวิถีแห่งการจู่โจมก็ตาม" แกลแลนท์กล่าวในตอนนั้น
ภายในงานนิทรรศการเมื่อวันอาทิตย์ (19 พ.ย.) คาเมเนอี ยังได้ตรวจตราโดรนรุ่นหนึ่งของอิหร่าน ที่ใช้ชื่อว่า "กาซา" และประกาศว่า อิสราเอลได้ประสบความพ่ายแพ้ในสงครามกับพวกฮามาส กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ที่อิหร่านสนับสนุน
พวกนักรบปาเลสไตน์บุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 240 คน
นับตั้งแต่นั้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้นอย่างไม่รามือของอิสราเอลได้สังหารผู้คนในฉนวนกาซาไปแล้วกว่า 13,300 ราย ในนั้นเป็นเด็กมากกว่า 5,000 คน จากข้อมูลของรัฐบาลกาซา ที่ปกครองฉนวนแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2007
อิหร่านซึ่งหาทางทำลายอิสราเอลและสนับสนุนพวกฮามาส ทั้งด้านการเงินและการทหาร ออกมายกย่องเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ว่าเป็นความสำเร็จ แต่ปฏิเสธความเกี่ยวข้องโดยตรงใดๆ
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านยังประณามอิสราเอลและพันธมิตรตะวันตกอีกครั้งที่ทำสงครามกับฉนวนกาซา ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
คาเมเนอี กล่าวว่า "ระบอบการปกครองของไซออนิสต์ (กลุ่มสนับสนุนการสร้างรัฐยิว) เป็นสัญลักษณ์ของการเหยียดเชื้อชาติ" และเสริมว่า การที่ตะวันตกสนับสนุนการโจมตีและปิดล้อมฉนวนกาซาหมายความว่า "ผู้นำตะวันตกก็เชื่อเรื่องการเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน และไม่เห็นถึงความผิดปกตินี้"
เขาชี้ว่า การโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซาอย่างโหดร้ายบ่งบอกถึงความโกรธแค้นของผู้นำอิสราเอล เนื่องจากความล้มเหลวของพวกเขาในการเอาชนะนักรบปาเลสไตน์
(ที่มา : ไทม์สออฟอิสราเอล/อาร์ทีนิวส์)