รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก คุณปู่กับหลานนักดนตรี ซึ่งหลานไม่ใช่เด็กปกติ แต่เป็นเด็กออทิสติกกำพร้า คุณปู่ไม่เพียงเลี้ยงดู-ส่งเสียให้หลานได้เรียนจนใกล้จบมหาวิทยาลัย แต่ยังฝึกดนตรีให้ จนหลานสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด และเล่นได้อย่างมืออาชีพ จนมีงานประจำและมีรายได้
“ถ้าไม่มีปู่วันนั้น ผมคงไม่มีวันนี้ ขอบคุณปู่มากๆ นะครับที่ช่วยสอนผม ผมรักปู่มากนะครับ”
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อน ขณะที่ “มิคกี้” เบญจพล อายุได้ 9 ขวบ พ่อของมิคกี้ ซึ่งเป็นหลานภรรยาของคุณอาคม วชิรโรจน์ประภา ได้นำลูกมาฝากให้คุณอาคมเลี้ยง เพราะพ่อต้องดูแลย่าที่ป่วย หลังจากย่าเสีย พ่อก็ฝากเลี้ยงต่อ คุณอาคมจึงรับหน้าที่ปู่บุญธรรมดูแลมิคกี้ตั้งแต่นั้นมา
“น้องมิคกี้เป็นเด็กออทิสติก ตอนรับน้องมาเลี้ยง ผมยังรับราชการครูอยู่ เราก็คิดว่า ถ้าเด็กอยู่เปล่าๆ คงไม่ดีแน่เลย เลยให้เขามาเรียนโรงเรียนเดียวกับที่ผมสอนอยู่ คือ รร.มีนบุรี”
“น้องเป็นเด็กพิเศษ เพราะมีบัตรพิการติดมาด้วย ผมเลยพาน้องไปปรึกษาหมอที่ รพ.นพรัตนฯ ย่านมีนบุรี แผนกจิตเวช เขาก็วัดไอคิวน้อง ปรากฏว่า ไอคิวน้องได้ 100 กว่า หมอบอก คุณปู่ น้องเขาไอคิวค่อนข้างดีนะ พยายามส่งเสริมน้องให้เขาเรียนต่อให้จบ ให้เขามีโอกาส”
ปัจจุบัน มิคกี้อายุ 22 ปีแล้ว และเรียนอยู่มหาลัยเกษมบัณฑิต สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ใกล้จะจบปริญญาตรีในอีกไม่นานนี้
ด้วยความที่เด็กพิเศษมักจะไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม หรือการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ปู่จึงหากิจกรรมให้มิคกี้ทำ เพื่อฝึกการเข้าสังคม
“เราก็พยายามหากิจกรรมให้น้องทำ ให้สามารถทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เข้ากับสังคมได้ ตัวผมจบเอกดนตรี ป.กศ.สูงมา เป็นอาจารย์สอนดนตรีอยู่แล้ว ก็เลยให้น้องฝึกเล่นดนตรี”
ขณะที่มิคกี้ เผยความรู้สึกแรกที่เริ่มเรียนดนตรีกับปู่ตั้งแต่อายุ 9 ขวบว่า“ตอนแรกรู้สึกว่า มันจะยากไปหรือเปล่า เพราะมันค่อนข้างจะซับซ้อนพอสมควรครับผม ...(ถาม-เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เล่นคือ?) ชิ้นแรกเลยคือเปียโน ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเวิร์คครับ ก็เปลี่ยนเป็นกีตาร์ พอเป็นกีตาร์ปุ๊บ ก็ยังไม่เวิร์ค จนกระทั่งมาพบกับไวโอลินนี่แหละครับผม (ถาม-ตอนนี้เล่นเครื่องดนตรีเป็นกี่ชนิด?) 5 ชนิดครับ มีไวโอลิน กีตาร์ เปียโน แอคคอร์เดียน และแมนโดลิน”
มิคกี้ไม่เพียงเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด แต่ยังสามารถร้องเพลงได้ด้วย โดยเฉพาะเพลงสากล แนวคันทรี่ ที่ปู่นิยมเล่นกับมิคกี้ นอกจากพัฒนาศักยภาพด้านดนตรีให้หลานแล้ว ปู่ยังพาหลานออกงานเล่นดนตรีด้วยเสมอ ทั้งงานจิตอาสาและการเปิดหมวก ช่วยให้หลานมีรายได้เป็นทุนการศึกษา
“(ถาม-มิคกี้เป็นยังไงบ้างตอนเล่นดนตรีครั้งแรก พอเรามีโอกาสได้เจอผู้คน ตื่นเต้นไหม?) ครั้งแรกก็ตื่นเต้นเหมือนกันครับ (ถาม-คนดูเขาเห็นเราเป็นยังไงบ้าง?) เขาก็ชื่นชมว่าเก่งมากเลยนะ เล่นได้เพราะมาก (ถาม-พอได้ยินเสียงชื่นชมแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?) รู้สึกว่าดีใจ ที่ผมได้คำชม แต่คำชมนี่ ผมก็จะเอามาปรับปรุงให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ครับผม”
นอกจากเล่นดนตรีในไทยแล้ว มิคกี้ยังเคยมีประสบการณ์ไปแสดงความสามารถในฐานะเด็กพิเศษเด็กพิการที่ไต้หวันมาแล้ว
“เป็นการแสดงดนตรีเกี่ยวกับคนพิการ ที่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปโชว์ความสามารถที่ไต้หวันครับ (ถาม-ไปครั้งนั้นเราได้ประสบการณ์หรือได้อะไรกลับมาบ้าง?) ได้เห็นเมืองที่ไต้หวัน และได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่มีในไทยครับผม”
ไม่ใช่แค่ได้โชว์ฝีมือการเล่นดนตรีไกลถึงต่างประเทศ แต่ดนตรียังช่วยให้เด็กพิเศษอย่างมิคกี้ได้ทุนเรียนฟรี และมีงานประจำทำอีกด้วย
“น้องได้ทุนเรียนฟรีที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต (สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์) จากความสามารถด้านดนตรี เรียนฟรีจนจบเลย ตอนนี้เรียนใกล้จบแล้ว ส่วนเรื่องงาน ตอนนี้น้องมีงานประจำ คือน้องมิคกี้เป็นเด็กพิการ ประเภทที่ 7 คือ ออทิสติก ตามบัตรคนพิการ เราได้สมัครงานที่บริษัท บางจาก รีเทล ซึ่งเขามีร้านกาแฟชื่อ อินทนิล เราก็สมัครเพื่อให้น้องไปเล่นดนตรีในร้านกาแฟอินทนิล ก็เป็นรายแรกรายเดียวที่สมัครเข้าไป ได้ไปเล่นตามสาขาต่างๆ ของร้าน ทำมา 2 ปีแล้ว เป็นงานประจำมีรายได้”
10 กว่าปีที่ปู่ได้เลี้ยงดูและทุ่มเทพัฒนาศักยภาพของหลาน จนมาไกลถึงเพียงนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ปู่ก็ทำได้สำเร็จ แม้ระหว่างทางที่ดูแลหลาน ปู่จะมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่บ้างก็ตาม
“ผมเป็นโรคแพนิคมาประมาณเกือบ 20 ปีแล้ว เป็นตั้งแต่ยังเป็นครูสอนในโรงเรียน ...พออยู่ที่หนาว ก็จะตัวสั่น และเป็นไข้ ไม่มีแรง มือชาเท้าชา หายใจหอบ เหมือนเราจะขาดใจ ต้องนอนพัก เลยตัดสินใจลาออกจากราชการเลย ...ตอนนี้อาการแพนิคหายแล้ว แต่เราก็กังวลว่า มันจะกลับมาอีกหรือเปล่า ก็เลยซื้อยาไว้กิน ไม่ได้ซีเรียส (ถาม-แล้วมีภาวะวูบและอ่อนแรงอีกไหมทุกวันนี้?) ไม่มีแล้ว ร่างกายแข็งแรงขึ้น ออกกำลังกายกับน้องทุกวัน”
อดถามมิคกี้ไม่ได้ว่า ตอนนี้ปู่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นห่วงคุณปู่บ้างไหม?“เป็นห่วงครับ ห่วงว่าร่างกายปู่จะไหวหรือเปล่า อย่างออกกำลังกายช่วงนี้ก็มีการทำให้เบาลงในส่วนของปู่ (ถาม-มิคกี้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริง การอยู่กับปู่ ทำให้เราขาดความรักความอบอุ่นไหม?) ไม่ขาดครับ ...(ถาม-ถ้าวันนั้นตอนมิคกี้อายุ 9 ขวบไม่มีปู่ คิดว่าจะเป็นมิคกี้ในวันนี้ได้ไหมลูก?) ผมว่าน่าจะไม่ได้ น่าจะค่อนข้างยากครับผม (ถาม-มิคกี้อยากบอกอะไรปู่ไหม?) คุณปู่ทำให้ผมได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีการงานที่ดี ขอบคุณคุณปู่มากนะครับที่ปู่ช่วยสอนผม ผมรักปู่มากนะครับผม”
หากถามว่า ปู่ ซึ่งไม่มีลูก รักหลานบุญธรรมคนนี้มากแค่ไหน? คำตอบก็คือ ปู่ได้ให้สถานะใหม่แก่มิคกี้เรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว และสมบัติทุกอย่าง อีกหน่อยก็เป็นของเขาหมด …มีรายได้ต่างๆ ที่สามารถมอบให้กับทายาทได้ ก็มอบให้กับมิคกี้หมดแล้ว”
เมื่อถามถึงความฝันของมิคกี้และสิ่งที่อยากทำให้ปู่ภาคภูมิใจ มิคกี้ บอกว่า"อยากจะให้ตัวผมเป็นศิลปินเพลง ศิลปินไวโอลินที่ดีขึ้น ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วๆ ไป"
หากท่านใดต้องการติดต่องานให้หลานกับปู่ไปเล่นดนตรีเพราะๆ ให้ฟัง ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “อาคม วชิรโรจน์ประภา” หรือโทรไปได้ที่ 084-700-9521
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “มิคกี้...มหัศจรรย์หลานปู่”
https://www.youtube.com/watch?v=YpXF_EISh6I
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos