จับโป๊ะอีกหนึ่งพฤติกรรมเหิมเกริม “บิ๊กโจ๊ก” ตัวอยู่ต่างประเทศ แต่ให้ลูกน้องปลอมลายเซ็นเข้าซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรและเข็มวิทยฐานะ วปอ.รุ่นที่ 65 แทน เพื่อให้ตัวเองมีสิทธิเข้าร่วมพิธีในวันรับจริง ต้องถามคณะกรรมการสภา วปอ.ทราบเรื่องหรือยัง
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงพฤติกรรมที่ส่อถึงความไม่สุจริตของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ต่อเนืองจากกรณีโอนเงิน 200,000 บาทจากบัญชีม้าเข้าบัญชีวัดศาลาปูนวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อทำบุญในงานกฐินพระราชทาน ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปเป็นประธาน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 แล้วออกใบอนุโมทนาบุญในชื่อของตัวเอง
ประเด็นเรื่องใช้เงิน “บัญชีม้า” ถวายวัดในงานกฐินหลวงที่ตัวเองเป็นประธานนั้น เป็นการนำ “เงินบาป” ไป “ทำบุญ” และถือเป็นความเหิมเกริมอย่างยิ่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะในงานดังกล่าวนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้ตามที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำหนังสือขอรับพระราชทาน แต่กลับมีการกระทำที่ไม่ดีไม่งามเช่นนี้ขึ้น
ที่ผมบอกว่า“เหิมเกริม”ก็เพราะว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคนทำหนังสือถึงกรมศาสนาเอง ขอรับพระราชทานผ้ากฐินประจำปี 2565 แต่ตัวเองกลับไม่ใส่ใจแม้แต่จะใช้เงินส่วนตัว เงินที่ทำมาหาได้แบบสุจริตของตัวเอง มาทำบุญ แต่กลับไปใช้เงินบาปที่เกี่ยวโยงกับการพนันออนไลน์ กระทำผิดกฎหมายมาจ่ายเป็นเงินทำบุญ
โดดซ้อมรับเข็ม วปอ. ส่งลูกน้องปลอมลายเซ็นซ้อมแทน
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่มีโอกาสได้เข้าไปร่ำเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 65 หรือ วปอ. 65 ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศแม้จะเรียนบ้าง โดดบ้าง อยู่แรมปีจนมีชื่อจบการศึกษา โดยผู้ที่สำเร็จศึกษาหลักสูตร วปอ. จะได้เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรและเข็มวิทยฐานะด้วย
สำหรับหลักสูตร วปอ. เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของประเทศ ขึ้นตรงกับสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่จัดการศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ และการป้องกันราชอาณาจักร ให้แก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน พนักงานองค์การของรัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งเอกชน โดยฝึกปฏิบัติการวางแผนและนโยบายระดับชาติ การพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2498 โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ทั้งนี้ ผู้ที่จบหลักสูตร วปอ.จะมีวิทยฐานะ และ สิทธิในการรับปริญญาบัตรเหมือนกับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก โดยจะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้นเข้าเป็นนักศึกษา วปอ.65 ซึ่งมีผู้เข้ารับการศึกษาจำนวน 284 คน ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานรัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระ ภาคเอกชน นักธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมทั้งนักศึกษาจากต่างประเทศ โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ารับการอบรมหลายคน
สำหรับปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานปริญญาบัตร ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 10 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยระเบียบในการรับพระราชทานปริญญาบัตรเขียนไว้ชัดเจน ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนี้ต้องเข้าร่วมการซ้อมย่อยอย่างน้อย 2 ครั้ง และต้องเข้ารับการซ้อมใหญ่จึงจะได้เข้าร่วมพิธีวันจริง
ในการซ้อมย่อยครั้งสุดท้าย เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2567 กลับกลายเรื่องขึ้น เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้นไม่อยู่เมืองไทย แต่ได้เดินทางไปชี้แจงผลการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าตัวได้ลาราชการเป็นกิจลักษณะ ระหว่าง วันที่ 3 - 9 มีนาคม ที่ผ่านมา แถมยังออกข่าวตีปี๊บเคลมเป็นผลงานตัวเองใหญ่โต
นอกจากนี้ ใน วันที่ 7 มีนาคม ก็ยังเป็นที่ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่อยู่เมืองไทย ทั้งยังให้สัมภาษณ์สดกับสื่อมวลชนผ่านระบบวีดิโอคอลล์ระบุว่า ตัวเองอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อชี้แจงผลการปราบปรามการค้ามนุษย์
ปัญหาก็คือ ขณะที่มีหลักฐานชัดว่าตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่อยู่ในประเทศไทย ไปปฏิบัติภารกิจราชการที่ต่างประเทศ แต่กลับมีลายมือชื่อของเจ้าตัวลงชื่อในใบลงทะเบียนเข้าร่วมการซ้อมย่อยที่อาคารเอนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เมื่อ วันที่ 7 มีนาคม 2567 เวลา 9 โมงเช้า ถึง เที่ยงวัน เสียอย่างนั้น
นอกจากนี้ในการซ้อมใหญ่พิธีพระราชทานปริญญาบัตรในวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 เวลา 9 โมงเช้า ถึงเที่ยงวัน ณ อาคารเอนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ก็ยังปรากฎชื่อ และลายเซ็น ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาเข้าร่วมการซ้อมรับปริญญาบัตรด้วย สร้างความงงงวยให้กับผู้ได้ทราบเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าตัวปฏิบัติราชการอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่ทำไมมาปรากฎชื่อและลายเซ็นซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรอยู่ที่เมืองไทยได้ ?!?
จริง ๆ ถ้าติดราชการ ต้องปฏิบัติภารกิจจริงก็ไม่ต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรก็ได้ อธิบายไปใครก็คงเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นี่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับไม่ยอม ต้องเอาให้ได้ทั้งสองอย่าง ทั้งยังลงมือกระทำการที่น่าจะผิดระเบียบ และผิดกฎหมาย ซึ่งปุถุชนคนธรรมดาต่างก็ทราบดี และคงไม่มีใครกล้าทำ
โดยเฉพาะในกระบวนการรับพระราชทานปริญญาบัตรกับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั่นคือ การส่ง “ลูกน้อง” ไปแทนตัวเอง ด้วยการให้ลูกน้องไป “ลงชื่อปลอม” แถมยังเป็น “แสตนด์อิน” แทน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อร่วมการซักซ้อม
“ผมทราบข่าวเชิงลึกว่า ลูกน้องคนนี้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้นมียศเป็นถึง พ.ต.อ. คนหนึ่งสังกัดอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 2” นายสนธิกล่าว
อย่างไรก็ตาม การกระทำเช่นนี้ โดยหวังตบตาเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ส่งชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร และเข็มวิทยฐานะ ใน วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567 นั้นกลับทิ้งหลักฐาน และร่องรอยไว้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่หลักฐานเชิงประจักษ์ หรือ หลักฐานทางสื่อมวลชน
แต่ยังมีหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ นั่นคือ “ลายเซ็น” ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในการซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเหมือน หรือ แตกต่างกับ “ลายเซ็นจริงๆ” หรือไม่อย่างไร
ภาพบน เป็น ลายเซ็นของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในการเข้าซ้อมย่อยพิธีพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อ วันที่ 7 มีนาคม 2567 ส่วนภาพล่าง เป็นลายเซ็นของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ใน วันที่ 27 ตุลาคม 2561 ระหว่างดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง
คงไม่ต้องบอกว่า “การเซ็นชื่อแทนกัน” นั้นมีความผิดอย่างไร? ถือเป็น“การปลอมแปลงเอกสาร” หรือไม่? เพราะทั้ง “คนให้เซ็น” กับ “คนเซ็นให้” ก็เป็นตำรวจยศนายพล กับ นายพัน ด้วยกันทั้งคู่
"เรื่องนี้แม้ไม่ใช่เรื่องการฟอกเงิน หรือ เชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนัน แต่เรื่องนี้มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า งานนี้เป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่ง ควรจะขอเลื่อนการไปชี้แจงที่สหรัฐอเมริกา แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล้าซิกแซกแหกกฎระเบียบเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ที่น่าแปลกใจก็คือ ลูกน้องที่เป็นตำรวจ รู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ยังกล้าทำ
“ผมไม่รู้ว่า ป่านนี้ คณะกรรมการสภา วปอ. ที่มี นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นประธาน รวมไปถึง พลโท สมยศ ฉันทวรลักษณ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ที่ต้องเป็นผู้จัดเตรียมรายชื่อผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร และเข็มวิทยฐานะ วปอ. ที่ต้องใช้กราบบังคมทูลในพิธี จะทราบเรื่องแล้วหรือยัง แล้วเมื่อทราบแล้วพวกท่านจะว่าอย่างไรเมื่อมีการกระทำที่ทั้งผิดระเบียบ และอาจผิดกฎหมาย จนอาจถึงขั้นระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเช่นนี้” นายสนธิ กล่าว