xs
xsm
sm
md
lg

Fact Box : เปิดประวัติ ‘ลอว์เรนซ์ หว่อง’ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของสิงคโปร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสิงคโปร์ วัย 51 ปี เตรียมเข้าพิธีสาบานตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนใหม่ในช่วงค่ำวันนี้ (15 พ.ค.) โดยถือเป็นผู้นำคนที่ 4 ของสิงคโปร์ในยุคหลังได้รับเอกราช

หว่อง จะเข้ารับไม้ต่อจากนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ซึ่งกุมบังเหียนปกครองเกาะศูนย์กลางการเงินเอเชียแห่งนี้มานานถึง 20 ปี และจะกลายเป็นผู้นำคนที่ 2 ของสิงคโปร์ในรอบเกือบ 6 ทศวรรษที่ไม่ใช่สมาชิกในสายตระกูลของลี กวนยู บิดาผู้ก่อตั้งชาติสิงคโปร์

หว่อง ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ได้รับการวางตัวและฝึกปรือเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ในกระบวนการสืบทอดอำนาจที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี

เขายังถือเป็นผู้นำคนแรกที่เกิดหลังสิงคโปร์ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1965 และได้เสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสารแนวคิด และโชว์ทักษะการเล่น “กีตาร์” อยู่เสมอ

- พื้นฐานครอบครัว

หว่อง เกิดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ปี 1972 ในครอบครัวซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นเพียง “คนธรรมดา” ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในแฟลตการเคหะทางตะวันออกของสิงคโปร์ที่เรียกว่า “Marine Parade” บิดาทำงานเกี่ยวกับการขาย และมารดาเป็นครูในโรงเรียนประถมซึ่ง หว่อง และพี่ชายเคยเรียนอยู่

- การศึกษา

ในขณะที่นักการเมืองสิงคโปร์ส่วนใหญ่มักจบจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของอังกฤษอย่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เป็นต้น แต่ ลอว์เรนซ์ หว่อง ไม่เคยเป็นศิษย์เก่าสถาบันที่ได้ชื่อว่า “ทรงเกียรติ” เหล่านี้ เขาถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นเหมือนกับเด็กทั่วไป และยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า การเลือกเรียนในโรงเรียนใกล้บ้านเหมือนกับเพื่อนๆ ถือเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตาม หว่อง เลือกที่จะเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย University of Wisconsin-Medison และเคยให้เหตุผลในการเลือกเรียนที่สหรัฐฯ ว่า ที่นั่นคือบ้านเกิดของ “นักดนตรี” หลายคนที่เขาชื่นชอบ

ต่อมา หว่อง ยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และปริญญาโทด้านการบริหารจัดการสาธารณะจาก Harvard Kennedy School


- เส้นทางอาชีพ

เส้นทางอาชีพของ ลอว์เรนซ์ หว่อง เริ่มต้นจากการเป็นนักเศรษฐศาสตร์ประจำกระทรวงพาณิชย์สิงคโปร์ในปี 1997 ก่อนจะได้รับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานตลาดพลังงานสิงคโปร์ (Energy Market Authority - EMA) รวมถึงตำแหน่ง “เลขานุการใหญ่ส่วนตัว” (Principal Private Secretary) ของนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง

หว่อง เริ่มเล่นการเมืองจริงจังในปี 2011 โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นบอร์ดผู้อำนวยการธนาคารกลางแห่งสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore - MAS) ก่อนจะเป็นประธานกรรมการบริหารของ MAS ในปี 2023 และยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ และกระทรวงการศึกษาด้วย

ในปี 2020 หว่อง เริ่มฉายแสงโดดเด่นจากการเป็นประธานร่วมของคณะทำงานของรัฐบาลเพื่อต่อสู้โควิด-19 ในช่วงที่เกิดโรคระบาดใหญ่ และได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากว่าทำให้สิงคโปร์ควบคุมการระบาดของโรคได้ดี มียอดผู้เสียชีวิตต่ำ ขณะเดียวกันก็มีการชี้แจงนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนเข้าใจอยู่ตลอดเวลา

หว่อง ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในปี 2021 ก่อนจะได้ขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีในปีถัดมา และกลายเป็น “ทายาททางการเมือง” ของ ลี เซียนลุง หลังได้รับการสนับสนุนจากบรรดาเพื่อนร่วมงานให้เป็น “ที่หนึ่งในบรรดาผู้เท่าเทียม” (first among equals) ซึ่งเป็นศัพท์ที่พวกนักการเมืองระดับสูงของสิงคโปร์มักใช้เรียกบุคคลที่จะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำ


- ชีวิตส่วนตัว

หว่อง ได้ชื่อว่าเป็นคนรักเสียงดนตรี และได้รับกีตาร์เป็นของขวัญจากบิดาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ บัญชีโซเชียลมีเดียของ หว่อง เต็มไปด้วยคลิปวิดีโอขณะที่เจ้าตัวโชว์ลีลาเกา “กีตาร์” ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเพลง Love Story ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งถูกโพสต์ในช่วงเวลาที่นักร้องสาวคนดังเดินทางไปเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ที่สิงคโปร์เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

เขายังเล่าว่าตัวเองเป็น “หนอนหนังสือ” และเป็น “คนรักสุนัข” ด้วย

หว่อง ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายเมโธดิสต์สมรสครั้งแรกตอนอายุ 20 เศษๆ ก่อนจะหย่าร้างกับภรรยาด้วยเหตุผลที่ว่าทั้งคู่ “เข้ากันไม่ได้” และตัวตนของภรรยาคนแรกก็ไม่เป็นที่รับรู้กว้างขวางนัก

ต่อมา หว่อง ได้สมรสอีกครั้งกับนาง ลู เซ ลุย (Loo Tze Lui) นักธุรกิจหญิงผู้มีประสบการณ์ทำงานด้านการเงินธุรกิจ (corporate finance) และการบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) มานานกว่า 10 ปี โดยทั้งคู่ยังไม่มีบุตรด้วยกัน

ที่มา : รอยเตอร์, wikipedia
กำลังโหลดความคิดเห็น