เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสวันพุธ (4 ก.ย.) ทรงพบปะประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โจโก วิโดโด ระหว่างการเยือนแดนอิเหนา ทรงเรียกร้องต่อต้านลัทธิรุนแรงสุดโต่งทางศาสนาซึ่งอินโดนีเซียประสบปัญหา ในขณะเดียวกันผู้นำแดนอิเหนาแสดงความชื่นชมที่พระองค์ทรงเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อประชาชนปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา
อนาโดลูของตุรกีรายงานวันนี้ (4 ก.ย.) ว่า ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โจโก วิโดโด ได้ถวายการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสวัย 87 พรรษาอย่างเป็นทางการภายในทำเนียบประธานาธิบดีที่กรุงจาการ์ตาในวันพุธ (4) อ้างอิงจากสำนักข่าวทางการวาติกัน
ซึ่งในการตรัสของพระประมุขแห่งโฮลีซีได้ทรงชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์และศาสนานั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นเสมือน “ผืนผ้าแห่งความสามัคคี” เหมือนเช่นมหาสมุทรได้รวบรวมเกาะแก่งนับพันไว้ด้วยกัน
โป๊ปฟรานซิสเสด็จมาถึงอินโดนีเซียตั้งแต่วานนี้ (3) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จเยือนเอเชีย-โอเชียเนียนาน 12 วันของพระองค์ที่ถือว่ายาวนานเท่าที่เคยมีมา และที่สำคัญในครั้งนี้จะยังเสด็จไปถึง “สิงคโปร์” ในทัวร์ครั้งนี้
รอยเตอร์รายงานว่า พระประมุขแห่งโฮลีซีได้รับการต้อนรับจากประชาชนแดนอิเหนาที่โบกทั้งธงวาติกันและธงชาติอินโดนีเซียระหว่างที่รถยนต์พระที่นั่งเดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดี
โดยในการแถลงแสดงการต้อนรับโป๊ปฟรานซิสในการเสด็จเยือนอินโดนีเซีย ผู้นำแดนอิเหนาได้กล่าวขอบคุณต่อพระองค์ในความพยายามเรียกร้องการหยุดยิงในสงครามอิสราเอล-กาซา
“อินโดนีเซียรู้สึกซาบซึ้งต่อทัศนคติของวาติกันที่ยังคงแสดงการเรียกร้องเพื่อขอสันติภาพในปาเลสไตน์ และสนับสนุนทางออก 2 นคร” ผู้นำอินโดนีเซียกล่าว
ในการเข้าเฝ้าพบว่าประธานาธิบดีโจโกวีที่กำลังจะลงจากตำแหน่งได้แนะนำคณะรัฐมนตรีรวมว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ปราโบโว ซูเบียนโต ต่อโป๊ปฟรานซิสระหว่างการหารือ
“คำขวัญประจำชาติของท่านคือ บินเนกา ตุงกัล อิกา (สามัคคีในความแตกต่าง ที่ตามจริงเป็นจำนวนมากแต่เป็นหนึ่งเดียว) นั้นสามารถแสดงได้เป็นอย่างดีต่อความหลากหลายแง่มุมของความเป็นจริงของความหลากหลายของประชาชนที่เชื่อมโยงอย่างแน่นหนาในประเทศเดียว” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัส
ซึ่งก่อนหน้าการเข้าเฝ้า โจโกวีกล่าวว่า ทั้งอินโดนีเซียและวาติกันต่างมีพันธกิจร่วมกันในการสร้างสันติภาพ ความเป็นพี่น้อง และความอยู่ดีมีสุขของมนุษยชาติ
“ผมหวังว่าการเสด็จเยือนจำนวน 4 วันของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเป็นหลักชัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งในการพูดคุยระหว่างศาสนาในอินโดนีเซีย”
ขณะที่โป๊ปตรัสว่า “ความสมดุลที่บอบบางและชาญฉลาดระหว่างวัฒนธรรมที่หลากหลายและความแตกต่างของมุมมองทางแนวอุดมการณ์และอุดมคติที่ทำให้ความสามัคคีแข็งแกร่งจะต้องยังคงถูกปกป้องไว้ต่อไปจากการไร้ความสมดุล”
พระประมุขแห่งวาติกันที่ประทับบนรถวีลแชร์ตรัสว่า “การสนทนาแลกเปลี่ยนข้ามทางศาสนานั้นสามารถช่วยขจัดความอคติและสร้างบรรยากาศของการนับถือร่วมและความเชื่อมั่น” รายงานจากอนาโดลู
ทั้งนี้ พระองค์กลายเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 3 ที่ได้เสด็จมาเยือนอินโดนีเซียนับตั้งแต่ยุค 70
อินโดนีเซีย อ้างอิงจากรอยเตอร์ มีประชากรราว 280 ล้านคนและราว 80% ของประชากรทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม เสรีภาพทางศาสนานั้นถูกกำหนดอยู่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญแดนอิเหนา
รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย เรตโน มาร์ซูดี (Retno Marsudi) แถลงต่อนักข่าวว่า ในการเข้าเฝ้านี้ไม่มีการหารืออย่างเจาะจงเกี่ยวกับสงครามกาซา แต่ได้มีการเอ่ยอย่างกว้างๆ เกี่ยวกับความขัดแย้งและความสำคัญของสันติภาพ
และในการตรัสต่อสาธารณะของโป๊ปฟรานซิส พระองค์ทรงกล่าวแบบอ้างอิงไม่กี่ครั้งต่อ ความรุนแรงสุดโต่ง การไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่างไป และการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ
“มีหลายครั้งที่ความเชื่อในพระเจ้านั้น..มันช่างน่าเศร้าถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความแตกแยกเป็นฝักฝ่ายและเพิ่มความเกลียดชังแทนที่จะทำให้สันติภาพงอกงามเพิ่ม การมีส่วนร่วม การสนทนาแลกเปลี่ยน การนับถือ การร่วมมือ และความเป็นพี่น้อง” พระสันตะปาปาตรัส
นอกเหนือจากอินโดนีเซียแล้ว พระองค์จะยังเสด็จไปเยือนปาปัวนิวกีนี ติมอร์ตะวันออก และสิงคโปร์เป็นประเทศสุดท้ายของการเสด็จเยือนเอเชียครั้งนี้