บอสพอล นักธุรกิจขายตรงชื่อดัง เคลื่อนไหวแล้ว หลังเจอดรามาหนัก ย้ำมั่นใจดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด วอนขอเวลาตรวจสอบข้อมูล อันไหนเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ ปลุกปั่น ยันไม่รู้มีผู้เสียหายเสียชีวิต เผยพร้อมช่วยเหลือ เยียวยา ครอบครัวผู้ที่สูญเสีย และขออย่าด่วนตัดสินกัน
จากกรณีกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต หลังหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ดารานักแสดง ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย เพียงสั้นๆ ระบุว่า "เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดังเริ่มมีการข่มขู่ไปทั่ว กลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียหายบ้างเหรอ?" อันเนื่องมาจากมีคนระดมติดแฮชแท็ก #Saveบอส จนติดเทรนด์ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (9 ต.ค.) เฟซบุ๊ก "วรัทย์พล วรัตน์วรกุล" หรือบอสพอล นักธุรกิจขายตรงชื่อดัง ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCon Group) ได้ออกมาชี้แจงกรณีดรามา โดยระบุข้อความว่า “สวัสดีทุกท่านครับ ผมขอเรียนชี้แจงผ่านทางช่องทางนี้นะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่งผ่านระบบตัวแทน ภายใต้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปมาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้ ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมา และรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เกิดเหตุว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้น เนื่องจากการทำธุรกิจกับบริษัทของผม
ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล ปรากฏมีหลายเคส ตามที่เกิดดรามาที่ออกมาต่อว่า ด่าทอบริษัทกลับไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของผมแบบที่เขากล่าวอ้างเลยและมีอีกหลายเคสที่ขายของกับบริษัทผม แล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมาก แต่ก็กลับมาต่อว่าด่าทอในโลกโซเชียลฯ เช่นเดียวกัน ผมยอมรับตรงๆ ว่าผมงง และสับสนมากครับ พยายามตั้งสติ พยายามติดตามดูข้อมูลว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริง อันไหน เป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ ปลุกปั่น บ้างก็ด่าเอามัน เอาสะใจ
โดยมีข้อมูลถึงขั้นที่ว่าทำธุรกิจกับบริษัทของผมแล้วฆ่าตัวตาย อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุดที่ผมเองไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยครับ และยังคงสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไม? ถึงไม่มีใครในองค์กรรู้มาก่อนบ้างเลย อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมคงรู้สึกเสียใจมาก และอยากที่จะช่วยเหลือ เยียวยาครอบครัวผู้ที่สูญเสียอย่างเต็มที่ครับ ขอเพียงท่านติดต่อกลับมาที่บริษัท
แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าผมไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนจริงๆ ส่วนที่ถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร ผมขอตอบตรงๆว่า เมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว ผมคิดว่าไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาในช่วงที่กระแสสังคมเปรียบเหมือนน้ำเชี่ยว จากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้ ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์ที่หนักอยู่แล้วหนักยิ่งขึ้น ผมจึงใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียมข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่จะชี้แจงให้ทราบผ่านกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย
ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ เพราะผมเชื่อว่าเราต่างเป็นสุจริตชนที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย” ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” หรือกระแสสังคมในการทำลายกัน ผมพร้อมจะเข้าไปแสดงตัว "มอบตัวต่อตำรวจ" ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ ผมรอพิสูจน์ความจริง อยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ และพร้อมนำข้อเท็จจริงและหลักฐานทั้งหมดเข้าชี้แจงผ่าน “กระบวนการยุติธรรม” ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะครับ เดี๋ยวความจริงก็จะเปิดเผยออกมาให้ทุกท่านทราบ
ถ้าผมทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาผมย่อมจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด แน่นอนครับ เมื่อถึงวันนั้นค่อยด่าทอ ประณาม เหยียบย่ำผมได้เลยครับ เชื่อว่าไม่ช้าเกินไป แต่วันนี้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ครับและผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของผม ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้วผมยังสามารถสบตาตัวเองได้ “อย่างเต็มตา” ในขณะเดียวกันผมก็สลดใจที่ตัวเอง และองค์กรต้องมาถูกเหยียบย่ำ ทำลายต่างๆ นานาในขณะที่ยังไม่ได้มีการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรมที่พวกเราเชื่อมั่น เชื่อถือ ผมอยาก ข้อร้อง วิงวอนให้ทุกท่าน โปรดให้โอกาสผมและองค์กรได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรมก่อนที่จะด่วนตัดสินกันนะครับ ขอบคุณครับ”