รอง ผบช.ก. ยอมรับสถานะบรรดาบอส “ดิไอคอนกรุ๊ป” ทั้ง 6 ราย คือผู้ต้องหา ยอดผู้เสียหายล่าสุดอยู่ที่ 740 ราย สูญเงินรวมกว่า 266 ล้านบาท เตรียมยกเป็นคดีพิเศษทำงานร่วมดีเอสไอ
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า วันนี้มีคนเข้าแจ้งความเพิ่มเติมอีก 240 ราย ยอดรวมผู้เสียหายทั้ง 4 วัน ตอนนี้อยู่ที่ 740 ราย และ คาดว่าจะถึง 800 รายในวันนี้ ส่วนความเสียหายรวมกว่า 266 ล้านบาท ปัจจุบันเราจัดกำลังพนักงานสอบสวนรับเรื่อง 70 นาย ยอมรับเมื่อวานการดำเนินการยังมีติดขัดอยู่บ้าง สอบผู้เสียหายคนสุดท้ายแล้วเสร็จเวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ทั้งนี้ขอนำเรียนว่า สำหรับผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางมา บช.ก. อบ่างเดียว เพราะสามารถแจ้งความตามโรงพักใกล้เคียงได้ จะได้ไม่เสียเวลา หรือค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ในส่วนของผู้บริหาร “ดิไอคอนกรุ๊ป” และ ดารา ที่เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเมื่อวานนั้น ประกอบด้วย กรรมการบริหารบริษัท 1 ราย คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มดารา ประกอบด้วย แซม ยุรนันท์ ,มิน พีชญา บอสปรีเตอร์ และ บอสหมอเอก ขณะที่ในวันนี้มีมาเพิ่มเติมอีก 1 คน คือ กันต์ กันตถาวร รวมเป็น 6 ราย พร้อมทั้งแม่ทีมอีก 8 ราย
“เมื่อเราสอบปากคำ ผู้บริหารและเหล่าดารา ทั้ง 6 รายในฐานะผู้ต้องหา ตามที่มีผู้เสียหายแจ้งความกล่าวโทษ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 134 วรรคแรก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน มาประมวลเชื่อมโยงกับข้อมูลอื่น ๆ และ คำให้การของผู้เสียหาย วัตถุพยานต่าง ๆ เพื่อพิจารณาข้อหาที่จะดำเนินคดีอีกที ซึ่งเราต้องพิจารณาให้รอบคอบ ทำอย่างตรงไปตรงมา” รอง ผบช.ก. กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี เทศขันธ์ ผบก.ป. กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายไทย การจะดำเนินคดีกับใคร ต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เราจึงต้องแจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 6 คนได้รับทราบว่ามีผู้เสียหายแจ้งข้อกล่าวหาเหล่านี้กับพวกเขา แต่ในส่วนของการพิจารณาข้อหาที่จะดำเนินคดี ขณะนี้ยังอยู่ในส่วนของการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการจะพิจารณาข้อหา เราไม่ได้พิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเดียว ต้องดูหลาย ๆ อย่างให้รอบครอบรัดกุมทุกมิติ
“ส่วนเรื่องที่ยังไม่มีการควบคุมตัวนั้น เพราะขั้นตอนในตอนนี้เรายังมีเพียงแค่พยานบุคคล การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงความผิดทางคดี หรือ ความบริสุทธิ์ได้ รวมถึงยังมีผู้เสียหายทยอยเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ซึ่งเราต้องพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 134 จะมีผลกับเงื่อนไขการออกหมายจับหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกัน เราต้องมาพิจารณาจากพยานหลักฐานต่าง ๆ ก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะสามารถออกหมายจับได้หรือไม่” ผบก.ป. กล่าว
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอมรับว่ายอดมูลค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คดีดังกล่าวเข้าใกล้หลักเกณฑ์การเป็นคดีพิเศษ ซึ่งเราได้มีการประสานข้อมูลร่วมกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไว้บ้างแล้ว เชื่อว่าแม้จะเปลี่ยนมือแต่ก็ยังต้องทำงานร่วมกัน ไม่น่ามีผลกระทบต่อคดี ส่วนรายละเอียดคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีกลุ่มดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์ ทยอยมาเข้าให้การเพิ่มเติมเรื่อย ๆ