น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมได้สั่งการให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการและป้องกัน แก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งอยากให้เตรียมพร้อมโดยเร็ว เพราะขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว รวมไปถึงปัญหาภาคการเกษตรว่าจะมีมาตรการอย่างไร เช่น การไม่รับซื้อข้าวโพด และอ้อย เผาจากการเผาทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงปัญหาฝุ่นควันที่เกิดจากรถยนต์ และภาคอุตสาหกรรม ที่ต้องขอความร่วมมือ รัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงคมนาคม ที่ต้องตรวจจับรถยนต์ให้เข้มงวดมากขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการในการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ที่เสนอหลักเกณฑ์เร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และสถานะบุคคลให้กับบุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน รวมถึงกลุ่มที่เกิดในราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันมีชนกลุ่มน้อย กลุ่มชาติติพันธ์ อยู่ในไทยจำนวนทั้งสิ้น 825,635 คน โดยเหลือบุคคลที่รอการพิจารณาสถานะ จำนวน 483,626 คน สมช. จึงขออนุมัติหลักเกณฑ์โดยยึดกรอบตามหลักเดิม และกลุ่มเป้าหมายเดิม แต่เงื่อนไขหลักเกณฑ์เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เช่น การปรับระยะเวลาในการดำเนินการในภาพรวม ที่ใช้ระยะเวลา 270 วัน ให้เปลี่ยนเป็น 5 วัน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการ "Thailand Winter Festivals" ซึ่งเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้ง ไทย และต่างชาติ ให้มาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยรัฐบาลอยากสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว พร้อมย้ำเตือนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และที่สำคัญจังหวัดที่เกิดเหตุอุทกภัย ก็มีความพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว รวมถึงมาตรการดูแลรักษาความสะอาด ระบบบริการการขนส่ง ต้องให้บริการที่ดีและเป็นทางนำคนไทยกับคนไทย และคนต่างชาติ
ส่วนกรณีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประสบอุทกภัยซ้ำซากถึง 3 ครั้ง ยังไม่ได้รับเงินเยียวยานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศปช. รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่เงินเยียวยานั้นจะได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหลักเกณฑ์ หากผ่านเกณฑ์ก็สามารถจ่ายเงินเยียวยาได้ทันที เชื่อว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้จะได้รับเงินเยียวยาอย่างแน่นอน