เลขานุการส่วนตัวของคุณอ้อย เศรษฐินี ยืนยันไม่ได้ยุยงปลุกปั่นให้แตกกันกับทนายตั้ม ย้ำทำตามหน้าที่ ตามคำสั่ง ทวงถามเล่มทะเบียนรถเบนซ์ เปิดใจเจอทนายดังโกรธ ปัดให้เช็กอินก่อน ไม่อยากร่วมเฟรมไปเที่ยวฟินแลนด์ ต้องยอมทิ้งตั๋วกลับปากช่อง พอคุณอ้อยร้องไห้เสียใจเท่านั้นแหละ เมียทนายตั้มส่งข้อความขอโทษรัวๆ แต่เผยสายไปแล้ว ไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
วันนี้ (29 ต.ค.) เฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ Sondhitalk เผยแพร่วิดีโอคลิป น.ส.ปัทมพร แสงฤทธิ์ หรือคุณน้อย เลขานุการส่วนตัวของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐินีเจ้าของธุรกิจที่ประเทศฝรั่งเศส ที่แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงจากการชักชวนให้ลงทุนธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ จำนวน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท ให้สัมภาษณ์ต่อ นายนพรัตน์ พรวนสุข บรรณาธิการข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง หลังนายษิทราพาดพิงคุณน้อยว่าเป็นตัวยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกระหว่างคุณอ้อยกับนายษิทรา นำมาสู่เรื่องของการทวงเงิน 71 ล้านบาทคืน กล่าวว่า ตนทำตามหน้าที่ทุกเรื่อง ทำตามคำสั่งคุณอ้อยทั้งหมด ถ้าคุณอ้อยไม่สั่งตนก็ไม่ทำ เพราะไม่ใช่เงินของตน ทุกคำสั่งออกจากปากคุณอ้อยทั้งหมด
เมื่อถามว่าเงิน 71 ล้านบาท เป็นการให้เงินเพื่อลงทุน ร่วมทุน หรือให้โดยเสน่หาตามที่นายษิทราอ้าง คุณน้อยกล่าวว่า เขาให้คุณอ้อยไปลงทุน ชักชวนให้ไปลงทุนลอตเตอรี่ เขาบอกว่าเขาได้สัมปทานจากผู้ใหญ่ในกระทรวงมา มีข้อความทั้งหมด มีแชตที่คุยกันด้วย เมื่อถามว่าคุณน้อยเป็นคนยุยงปลุกปั่นให้สองคนทะเลาะกันจนมาทวงเงินคืน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นการให้โดยเสน่หา ความจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร คุณน้อยกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดจากเรื่องรถเบนซ์ ที่คุณอ้อยให้ตนตามเล่ม ตนไม่ได้ทำอะไรโดยพลการ ถามว่ารถเบนซ์เป็นของใคร คุณน้อยกล่าวว่า เป็นของคุณอ้อย แต่ตนเป็นคนโอนเงิน 13 ล้านบาท ใบโอนเงินยังมี ถามว่าโอนให้ใคร คุณน้อยกล่าวว่า โอนให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด
ถามว่าเงิน 13 ล้านบาท นายษิทราไปซื้อรถหรือไม่ คุณน้อยกล่าวว่า ใช่ เขาไปสั่งจอง ตนให้นายษิทราเป็นคนดำเนินการทั้งหมด เป็นคนจัดการทั้งหมด เพราะเชื่อว่านายษิทราเป็นคนมีความรู้ และเชื่อมั่นในตัวว่าเขาจะไปดำเนินการให้เราทั้งหมด เมื่อถามว่าแล้วปัญหาที่มาเป็นยังไง คุณน้อยกล่าวว่า คุณอ้อยจะเอาเล่ม (ใบคู่มือจดทะเบียน) ส่วนรถตอนที่ออกมาแล้ว เขาก็เอามารับคุณอ้อยไปธุระต่างๆ ทุกอย่างตอนที่คุณอ้อยอยู่เมืองไทย เมื่อคุณอ้อยกลับประเทศฝรั่งเศส เขาก็ขอเอารถไปใช้ที่กรุงเทพฯ ได้ไหม ช่วยพูดกับคุณอ้อยให้หน่อย ตนก็เลยพูดกับคุณอ้อย ตนเป็นคนพูดให้ทั้งหมดทุกเรื่องที่เขาได้ไปทุกอย่าง ตนมีแต่ความปรารถนาดีให้เขา ไม่เคยให้ร้ายเขา
แล้วก่อนเดินทางไปประเทศฟินแลนด์ ประมาณวันที่ 22 ธ.ค. 2566 ทริปนี้จะต้องไปด้วยกัน 7 คน ประกอบด้วยครอบครัวนายษิทรา 6 คน คุณอ้อยออกค่าเดินทางให้ แต่ตนเป็นคนดำเนินการให้ทั้งหมด พอไปถึงสนามบินเวลาจะเช็กอินเขาก็เหมือนไม่พอใจเรื่องรถเบนซ์ เขาเคยโทร.มาว่าตนว่าทำไมพี่น้อยไม่ให้หน้าเขา ทำไมต้องโทร.ไปถามศูนย์รถเบนซ์ว่าจ่ายสดหรือว่าผ่อนรถคันนี้ ตนไม่เห็นเอกสาร ก็ต้องถามตามหน้าที่ ตนขอดูใบเปย์อินได้ไหม โอนเท่าไหร่ ใบเสร็จก็ไม่มี ไม่มีหลักฐานอะไรในมือ พอมันไม่ได้ก็รายงานคุณอ้อยไปตามความจริงทั้งหมด ถ้าได้เล่มก็จะไม่มีปัญหากัน
ถามว่าเป็นจุดที่นายษิทราไม่พอใจ คุณน้อยกล่าวว่า ใช่ เหตุเกิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตนไม่ร่วมทริปกับเขา เพราะเขาไม่เช็กอินให้ตน บอกให้ตนเช็กอินไปก่อน ถ้าให้ตนเช็กอินไปก่อน ตนก็ไม่ไป เพราะหมายถึงว่าเขา 6 คน ตนคนเดียว ตนก็ถูกลอยแพเพราะไม่เก่งภาษา ตนก็ไปปกติ ไปเช็กอินที่จะไปฟินแลนด์ปกติ แต่เขาแสดงอาการใส่ตนว่าไม่อยากร่วมเฟรม ไม่อยากร่วมทริป ตนก็โอเค ตนก็ไม่ไป ตนก็ยกเลิกทั้งหมด ทิ้งตั๋วเลย เขาโทร.หาตนในระหว่างที่ประตูขึ้นเครื่องจะปิดแล้ว ถ้าอย่างนั้นคือเจตนาจะให้ตนไปเหรอ ก่อนหน้านี้เขาโทร. ก็คือมันจบแล้วไง มันจบตั้งแต่คุณให้เราเข้าไปเช็กอินก่อนแล้ว ตนจึงกลับปากช่อง จ.นครราชสีมาวันนั้นเลย
ถามว่านายษิทรารู้ได้ยังไงว่าคุณน้อยเป็นคนที่ไปยุยงให้เกิดการฟ้องเอาเงินคืนจากนายษิทรา คุณน้อยกล่าวว่า อันนี้ก็ไม่รู้ เขาคิดไปเองหรือเปล่า โนติสคุณอ้อยเป็นคนสั่ง คุณอ้อยให้หาทนายความคนใหม่ ไม่ใช่ตน ถามว่าฝั่งคุณอ้อยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร หลังจากมีเหตุจากรถเบนซ์ทำให้คุณน้อยไม่ได้ไปฝรั่งเศสและฟินแลนด์ในครั้งนี้ คุณน้อยกล่าวว่า คุณอ้อยรู้สึกไม่ดี แกก็ร้องไห้ ตนบอกว่าอย่าเพิ่งเซ็นเอกสารใดๆ ก่อนเซ็นให้ล่ามดูดีๆ ก่อน เขาก็เอาเอกสารสัญญาว่าจ้างโรงแรม 157 ล้านบาทไปให้คุณอ้อยเซ็น เอาบ้านเดวิด แฟนคุณอ้อย จะให้เดวิดเซ็น เดวิดไม่เซ็น แต่คุณอ้อยเซ็นมา แล้วก็เซ็นสำเนาบัตรประชาชนมา 2 ใบแบบลอยๆ ตนถามว่าคุณอ้อยเซ็นทำไม คุณอ้อยกล่าวว่า "ก็ตั้มมันให้เซ็น" แล้วกลายมาเป็นประเด็นกัน
คุณอ้อยก็ร้องไห้ว่าถ้าน้อยไม่มา ทำไมไม่เอาน้อยมา ภรรยานายษิทราก็ส่งข้อความขอโทษผ่านเฟซบุ๊ก ให้มาเถอะตอนนี้ยังทัน พอคุณอ้อยไปรับที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ไม่เห็นคุณน้อย ถามว่าน้อยไปไหน ทำไมน้อยไม่มา พอบอกว่าพี่น้อยยกเลิกเที่ยวบินทุกอย่าง ไม่มา เขาก็เรื่องอะไร คุณอ้อยก็เลยร้องไห้เสียใจมากว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ พี่้อ้อยบอกว่าใครออกจากชีวิตเขาได้ทุกคนยกเว้นน้อย ภรรยานายษิทราจึงส่งข้อความว่า พี่น้อยคะ หนูขอโทษโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด ตนไม่อ่านแล้วเพราะมันหมดเวลาที่เราจะคุยกันแล้ว ถ้าคุณแยกแยะเรื่องงานไม่ออกเราก็ไม่คุยแล้ว
Watch on TikTok