"รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์" ทนายดัง กล่าวถึงทนายตั้ม ทำวิบากกรรมอะไรไว้ไปชี้แจงเอง อย่าลากไปเกี่ยวเพราะไม่รู้เรื่อง เผยไปทำบุญกลับมาฝันว่าเพื่อนถูกหิ้วหัวขาด ตื่นมาเจอบ้านพระอาทิตย์เปิด แต่ไม่กล้าเล่าเพราะวิบากใครวิบากมัน ชี้ไม่มีใครเชื่อได้มาโดยเสน่หา ตั้งข้อสังเกตทำไมแอ็กทีฟผิดปกติ ระบุเรื่องนี้อย่าว่าเป็นปลาเน่า เพราะเรื่องที่ทำหนักกว่า
วันนี้ (30 ต.ค.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความจากสำนักงานทนายคู่ใจ ได้เฟซบุ๊กไลฟ์กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่ถูกเศรษฐีแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ระบุว่า ยืนอยู่ข้างความถูกต้องอยู่แล้ว ทุกวันนี้เหมือนมีเขาอยู่บนหัว ตนจะรู้ไหมว่าเขาจะไปไถเงินฝั่งคู่กรณี ตนแค่อยากช่วยคน เมื่อรู้ความจริงก็อึ้งเหมือนกัน ตนก็ด่าไม่ใช่ไม่ด่า ไม่ใช่ไม่โมโห ไม่ใช่ไม่โกรธ ก็เพื่อนมันรวย คุณก็ดูสิ ตนยังทำงานหาเช้ากินค่ำอยู่เลย ต้องรับภาระ แต่ตนไม่ไถ คำว่าเสียชื่อดูเบาไป ทุกวันนี้เหมือนมีเขาอยู่บนหัว เหมือนโดนตุ๋นไป แต่ตนก็เข้าใจ ถามว่าอิจฉาไหม มันเดือดไม่ใช่ไม่เดือด
ตนขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังเรื่องหนึ่ง คือตนเป็นคนชอบไปที่วัด ไปถือศีลปฏิบัติธรรม บางทีวัดมีงานก็ไปเพราะชอบทำบุญ เมื่อไปก็เห็นเพื่อนคนหนึ่งว่าทำไมรวยจัง ไม่รู้ว่าทำอะไร ก็เข้าใจว่ารับจ็อบ รับค่าจ้างแพง ก็อาจจะรวยได้ แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่บาทสองบาท เป็นร้อยล้านบาท ใครเขาจะให้โดยเสน่หา ตนถามหน่อย ถามลูกน้องในสำนักงานมีใครเชื่อไหม พูดแค่นี้แหละ ตนอาจจะไม่รู้ข้อเท็จจริงอะไรหรอก เท่าที่ฟังมาก็ยังไม่เจอใครที่เชื่อว่าได้โดยเสน่หา ถามว่าตนอยู่ข้างๆ ถ้าบอกตนก่อน โทร.ไปคุยกับเขา ตนจะไม่ไป เพราะโดนหลังบ้านด่ามาเหมือนกัน แทบจะแทรกแผ่นดินแล้ว จะให้ตนทำยังไง ตนต้องออกมาพูดเพราะตนอยู่ตรงนั้นด้วย เดี๋ยวเขาจะหาว่าตนไปอยู่ในกลุ่ม
"เวลาถามว่าเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เพื่อนตั้มไหม ก็เป็นเพื่อน ก็ไปเที่ยวกัน แต่สนิทขนาดไปอยู่กัน นั่งสังสรรค์ในวงไหม หลายปีแล้ว นิสัยมันจะมีความต่างกัน คนหนึ่งชอบดื่มไวน์ราคาแพง ก็เขารวย เขาก็ตามฐานะ เวลาว่างผมชอบเข้าวัดมันจะไปกันยังไง คนหนึ่งชอบเข้าวัดไปปฏิบัติธรรม คนหนึ่งชอบดื่มไวน์ราคาแพง ไปกับเขาแล้วมีตังค์จ่ายค่าไวน์กับเขาไหม เขาขายขวดหนึ่งตั้งกี่หมื่น ผมไปกินกับเขาได้ไหม ถามผมก็ไปกินได้ แต่ไม่ใช่นิสัย มันก็เลยไปกันคนละทาง ถามว่าเมื่อคืนตั้มโทร.มาไหม ตั้มก็โทร.มา ทั้งโทร.เบอร์ ทั้งโทร.ไลน์มา ถ้ารับสาย ถ้าคุยข้อมูลกันก็รู้เรื่อง แต่ตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ใครทำวิบากกรรมอะไรไว้ ไปชี้แจงเองด้วย อย่าลากผมไปเกี่ยว ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย"
"ถามว่าต้องออกมากระแทก กระทืบซ้ำไหม อยู่ที่ว่าคนที่ดูเห็นตอนที่ผมวิจารณ์หรือเปล่า แล้วมาบอกผมไม่วิจารณ์ ผมก็วิจารณ์อย่างนี้ทุกช่อง แต่เขาปล่อยเสียงแบบนี้ให้ฟังไหม ผมไม่ได้เดือดครับ ไม่ได้เดือดเลย อย่าเข้าใจผมผิด ไม่ได้อารมณ์ร้อนใดๆ ทั้งสิ้น มีเหตุผลชี้แจงได้ แต่เรื่องที่ชี้แจงไม่ได้จะให้ชี้แจงยังไง ผมไม่ชอบแทงใคร เอาที่เขาแทงมันอยู่เอาให้รอดก่อน ไม่ต้องพิมพ์มาบอกว่าผมรอดอยู่แล้ว อันนั้นความเชื่อ เชื่ออย่างนั้นก็ไปให้สุด ผมคนดูแล้วไม่รู้เรื่องอะไรด้วย รอให้เขาชี้แจงว่าอะไรยังไง หรือเขาจะไม่ชี้แจงโดยอาศัยว่ารอไปเปิดในชั้นศาลแล้วแต่สิทธิของเขา แต่ให้รู้ไว้ว่าผมไม่เกี่ยวข้องเลย"
นายรณณรงค์กล่าวว่า คุณเชื่อเรื่องลี้ลับไหม ตอนแรกไม่ระแคะระคาย ไม่เอะใจอะไรเลย จนตนไปทอดกฐินที่วัดป่าภูทับเบิก ตนกลับมาถึงบ้าน นอน แล้วฝันว่ามีคนหิ้วหัวตั้ม (นายษิทรา) กับหัวใครอีกคนหนึ่งมาด้วย มาสองหัว มือขวาหิ้วหัวไว้ ทั้งหัวทนายตั้ม ทั้งหัวอีกคนหนึ่งใครก็ไม่รู้ อีกมือหนึ่งก็เอาตัวมาด้วย เหมือนผีเลย ตกใจเหมือนกัน เจอในฝัน เขาก็ถืออย่างนี้ไปเรื่อยๆ หลังสะพายดาบด้วย ตนก็กลัว สงสัยจะดูซีรีส์เยอะไป เขาก็เดินไปไหนของเขาไม่รู้ เดินเข้าไปในภูเขา เดินเข้าไปในถ้ำ แล้วก็เอาไปฝังไว้ ตื่นมาตอนเช้าก็นึกว่าฝันอะไร ตอนเย็นไปรายการถกไม่เถียง ไปเจอเคสเมียบิ๊กโจ๊ก (นางศิรินัดดา หักพาล ภริยา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.) นั่งอยู่ในถกไม่เถียง แล้ววันนั้นนายษิทราก็โดนเปิดทางฝั่งของบ้านพระอาทิตย์ (เครือผู้จัดการ) โดนคู่เลย เราก็บอก ทำไมตนฝันอย่างนี้ล่ะเนี่ย ถามว่ากล้าเล่าให้นายษิทราฟังไหม ตนก็ไม่เล่าหรอก วิบากใครวิบากมัน แต่ตนรู้ว่าฝันอย่างนี้ไม่ปกติแน่นอน
"บางทีถ้ามันเล่าความเลวแล้วมึง (นายษิทรา) ยังอยู่กับมันได้ก็แสดงว่าเป็นคนแบบเดียวกัน แต่การที่ไม่เล่าให้ฟัง เราก็ไม่รู้อะไร ก็มาเล่าพร้อมกับทุกคนเนี่ยแหละ ใครจะผิดจะถูก กฎหมายคือศาล แต่กระแสสังคมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป ทนายในกลุ่มพวกผม จิตอาสาในกลุ่มพวกผมก็คุยกัน ก็ตั้งประเด็นมาเหมือนกัน หลังจากวันที่รวมอเวนเจอร์ไปกองปราบฯ ว่าทำไมตั้มมันดูแอ็กทีฟผิดปกติ ไม่ใช่ว่าเราไม่สังเกตเห็น เราสังเกตเห็นความแอ็กทีฟผิดปกติ ความกระตือรือร้นผิดปกติ แต่เราจับตาดูอยู่เพราะเราไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จนมันมาโป๊ะ แต่ผมจะเล่าอย่างนี้ได้ไหม ... บอกได้อย่างเดียวแหละ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องอธิบาย ต้องชี้แจง เพราะคนอื่นเขาไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องด้วยเลยว่าทำอะไรยังไงบ้าง แต่อันหนึ่งคืออย่าไปเอาเปรียบเขา ถ้าจะเอาเปรียบเขา ให้บอกเขาตรงๆ ถ้าเขายังให้เอาเปรียบอีกนั่นเรื่องของมันแล้ว แต่ต้องบอกเขา ไม่ใช่ไปปกปิด ไม่บอกความจริงให้แจ้ง อันนั้นมีกฎหมายฉ้อโกง ซึ่งไม่รู้เลยว่าเขาจะดำเนินคดีอะไรบ้าง"
ในตอนท้าย นายรณณรงค์กล่าวว่า "อย่าใช้ปลาเน่า อันนี้มันหนักกว่าปลาเน่า ปลาเน่ายังดีกว่าเรื่องที่มันทำเลย ผมจะบอกให้ พอเวลาผมด่า มันก็ว่าผมด่าอีก คำว่าปลาเน่ากับเรื่องอย่างนี้ใช้กันไม่ได้เลย ปลาเน่าผมถือว่ายังมีประโยชน์กว่า ปลาเน่ายังเอามาทำปลาร้าได้ อันนี้เอาไปทำอะไรได้บ้าง ... นี่ยังคุยกับเพื่อนๆ จิตอาสาทำงานด้วยกัน ทุกคนก็พูดเหมือนกัน บอกว่าถ้ารวยแล้วมาเจอเรื่องอย่างนี้ พวกเราอยู่แบบจนๆ ดีกว่า ถ้ารวยแล้วเจอคนเขาด่า เขาสาปแช่งแบบนี้ อยู่แบบจนๆ ดีกว่า"