MGR Online - ทนายบอสพอล เผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความในเรือนจำฯ จ่อยื่นหนังสือดีเอสไอ นำพยานฝ่ายบอส กว่า 2,000 รายเข้าให้ปากคำ - ดำเนินคดี “เอกภพ-พยานเท็จ”
วันนี้ (31 ต.ค.) เวลา 14.30 น. หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาในคดีบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมในเรือนจำ ระบุว่า ประเด็นหลักที่ได้รับมอบหมายจากบอสพอลซึ่งจะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ วันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อยื่นหนังสือใน 2 ประเด็น คือ 1.สอบถามเรื่องรายละเอียดการนำพยานฝ่ายตนเองกว่า 2,000 คน เข้าไปให้ปากคำว่าจะต้องไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ หรือ ปคบ. รวมถึงสอบถามศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ว่าในแต่ละวันจะสอบปากคำพยานได้กี่คน โดยตนเองวางแผนไว้ว่า หากสามารถสอบปากคำได้วันละ 120 คน จะให้เวลาเพียง 20 วันในการสอบปากคำ เสร็จทันส่งสำนวน แต่หากรับได้ไม่ถึงจำนวนที่วางไว้ ก็จะใช้เวลาในการสอบปากคำนานขึ้น นอกจากนี้ จะขอให้ดีเอสไอออกหมายเรียกให้สมาชิก “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่ไม่ยอมเข้ามาแจ้งความกว่า 200,000 คน เข้ามาให้ปากคำด้วย ซึ่งหากมีหมายเรียกก็ต้องเข้ามาให้ปากคำ
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า 2. ขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อต่อเพจสายไหมต้องรอด และพยานที่นายเอกภพพามา กรณีที่นำพยานเท็จเข้ามาพบตำรวจและอ้างว่าดีเอสไอเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เรียกรับเงินจาก ”ดิไอคอนกรุ๊ป“ ทำให้ดีเอสไอได้รับความเสียหาย ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินคดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา
"พร้อมยอมรับว่าได้ฟังเสียงของพยานคนดังกล่าวที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่ง รู้สึกตกใจมากที่มีการนัดแนะเตี๊ยมคำให้การกับพยาน โดยไม่เข้าใจว่าทำไม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ถึงทำแบบนั้น ทำให้จากที่คดีดิไอคอนควรจะเป็นคดีความปกติ กลับเป็นภาพคดีการจ่ายสินบน โดยเบื้องต้นก็เตรียมจะให้ทนายอีกชุดไปแจ้งความเอาผิดนายเอกภพและพยานคนดังกล่าว ในข้อหาหมิ่นประมาท ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง"
นายวิฑูรย์ ยืนยันว่า การออกมาบอกว่าจะแจ้งความกลับกับใครบ้างนั้น ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายปกติ โดยตนเองทำงานอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ได้ทำงานตามกระแสสังคม ทุกอย่างเป็นการชี้แจงในคดี และไม่ได้ใช้วิธีการใต้ดินวิ่งเต้น เพราะทนายแต่ละคนก็มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป
ส่วนเรื่องออเดอร์การดำเนินคดีกับทนายคนดังนั้น นายวิฑูรย์ บอกว่า เรื่องนี้ขอพักไว้ก่อน เพราะเขามีปัญหาของเขาเยอะอยู่แล้ว คนล้มอย่าไปกระทืบซ้ำ มองว่าปัญหาที่เขาเจออยู่ก็เหนื่อยเอาการ เพราะต้องชี้แจงหลายอย่าง ส่วนอนาคตจะดำเนินคดีหรือไม่ เดี๋ยวว่ากัน ตอนนี้เห็นทนายคนดังล้มอยู่ก็ไม่อยากซ้ำ แต่หากจะดำเนินคดีคงไม่รอให้คดีอื่นๆ จบก่อน เนื่องจากก็มีหลักฐานเอาผิดได้
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ดีเอสไอตรวจพบเส้นทางการเงินบอสพอล มีการโอนเงิน 2.5 ล้านบาท ให้กับแม่ของนักการเมือง ส. ตนเองได้สอบถามกับบอสพอลแล้ว ยังยืนยันว่าเป็นการโอนเงินทำบุญ โดยตนเองไม่แน่ใจยอดเงินว่าโอนครั้งละเท่าไหร่ และกี่ครั้ง เนื่องจากยังไม่เห็นเอกสาร แต่ทราบว่ามีการโอนให้บ่อยครั้ง มีทั้งหลักหมื่นและหลักแสนบาท อย่างไรก็ตาม ยังไม่ยื่นประกันตัว เพราะแม้ว่าทุกคนจะอยากออกมา แต่การต่อสู้คดีภายในเรือนจำง่ายกว่า และเป็นที่ที่ปลอดภัย ขึ้นอยู่กับทนายความของผู้ต้องหาแต่ละคนจะพิจารณา
ทั้งนี้ ส่วนของนายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ ”บอสวิน“ ที่มีอาการป่วยโรคมะเร็ง จะต้องมีการพูดคุยกับเจ้าตัวและพิจารณาเรื่องของการยื่นประตัวออกมาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากหากออกมารักษาตัวข้างนอก ครอบครัวอาจจะสบายใจมากกว่า