รอง ผบช.ก.เผยเร่งตรวจสอบ "ทนายตั้ม" เรียกเงินดิไอคอนกรุ๊ป 7.5 ล้านบาท พบใช้โทรศัพท์สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ติดต่อ "บอสพอล" เตือนจิตอาสาตรวจสอบหลักฐานก่อนเผยแพร่สาธารณะป้องกันถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาท- พ.ร.บ.คอมฯ
วันนี้ (1 พ.ย.)ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เข้าแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดว่า เมื่อวานนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มีการเรียกประชุม โดยสั่งการให้เร่งรัดการดำเนินการในหลายคดี และทำทุกมิติ ให้เป็นไปได้ด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งวันนี้ทนายบอสพอลได้เข้ามาร้องทุกข์ 2 เรื่องกับ บก.ปอท. โดยเรื่องแรกคือแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ และเรื่องที่สองร้องเอาผิดกับนายเอกภพ
รอง ผบช.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่มาร้องกับ บก.ป. ให้สืบสวนกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการจับกุมบอสพอล พบว่ามีการประสานงานผ่านโทรศัพท์มาจากสำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม
เมื่อถามใน 3 ประเด็น มีเรื่องใดที่มีหลักฐานมากพอที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับได้เลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง ในภายแรกจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้แต่ด้วยทนายบอสพอลติดภารกิจหลายเรื่อง จึงทำให้มาร้องทุกข์ได้ในวันนี้ หลังจากนี้จะเร่งรัดทุกอย่างให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่าคลิปเสียงนักการเมือง คาดว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ทราบมาว่าดีเอสไอ พบเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนดังกล่าว แต่ตนยังไม่เห็นหลักฐาน จึงยังไม่อยากให้ความเห็นในเรื่องนี้ ให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอก่อน แต่หากพบพยานหลักฐานจริง ดีเอสไอก็จะต้องเพิ่มข้อหาฟอกเงินไปด้วย
"อยากฝากถึงนักเคลื่อนไหวที่ช่วยเหลือประชาชนว่า ตำรวจเข้าใจในบทบาทของจิตอาสาหรือชมรมต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างดี ไม่ได้จำกัดความช่วยเหลือ ตำรวจยินดีที่จะทำให้ทุกเรื่อง แต่อยากจะแจ้งไปยังทุกท่านที่จะมาดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงก่อน โดยจะต้องกลั่นกรองมาอย่างดี เพื่อที่จะเอามาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ และอยากให้เข้าไปคุยกับพนักงานสอบสวนก่อน เมื่อปรากฏว่ามันมีหลักฐานจริง หากจะมาให้ข้อมูลอะไรก็จะไม่ถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอม ส่วนใครที่ชอบออกนอกเกม อยากจะตักเตือนว่าอย่าทำ ถ้าทำก็จะมีจุดจบอีกเร็วๆนี้ หากทำอะไรจะต้องคิด พอพูดไปแล้วทำให้หลายองค์กรต้องเสียหาย เนื่องจากสาธารณชนรับทราบไปแล้ว และอยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับจิตอาสาได้เป็นตัวอย่าง" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว