เหยื่อซินแสชื่อดังทยอยแจ้งความกองปราบเพิ่ม ยอดความเสียหายทะลุ 70 ล้าน รอง ผบก.ป.เผย เร่งขอรับโอนคดีมาสอบสวน ด้านทนายไพศาลปัดเป็นทนายให้หมอดู
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอาม่าแจ้งความดำเนินคดีซินแสชื่อดังฉ้อโกง 60 ล้านบาท ว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายที่ถูกหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังหลอกเงิน ทยอยเข้าแจ้งความกับทางตำรวจกองปราบอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็นหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมจำนวนผู้เสียหายขณะนี้มีมากกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 70 ล้านบาท
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหายส่วนใหญ่จะให้การไปในทิศทางเดียวกัน คือ ถูกหมอดูฮวงจุ้ย ทักว่ากำลังจะมีเคราะห์ ต้องบูชาวัตถุมงคล หรือปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย เพื่อแก้เคล็ดทำให้ชีวิตดีขึ้น คล้ายกับการเอาความเชื่อของคนมาเป็นจุดอ่อนในการหลอกลวงเงิน โดยเฉพาะพฤติกรรมการแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจากเหยื่อ รวมไปถึงการหลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อวัตถุมงคล แต่กลับไม่ได้รับสินค้า พฤติกรรมทั้งหมดเหล่านี้จึงอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า สำหรับคดีดังกล่าวเดิมนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบ อยู่ระหว่างทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พิจารณาโอนสำนวนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปราม เนื่องจากผู้เสียหายมีจำนวนมาก หลากหลายพื้นที่ และคดีมีความซับซ้อน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
วันเดียวกัน นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พา น.ส.พรพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี แม่ค้าออนไลน์และผู้เสียหายรวม 4 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวน กองปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินกับซินแสคนดังกล่าว
น.ส.พรพรรณ กล่าวว่า เมื่อกลางปี 2566 ขณะกำลังจะสร้างบ้าน ก็ได้ไปเจอซินแสคนดังกล่าวทางทีวีและในโซเชียลมีเดีย จึงเกิดความเลื่อมใส จากนั้นได้ติดต่อให้มาช่วยดูฮวงจุ้ยสถานที่จะก่อสร้างบ้าน โดยเขาคิดราคาค่าดู 55,000 บาท จากนั้นซินแสคนดังกล่าวทักว่าที่ตรงนี้ดินไม่ดีอาจมีดินจากป่าช้าปะปนมาต้องทำพิธีล้างดินให้สะอาดหรือซื้อสิงห์คู่ รวม 3 แสนบาท โดยเขาอ้างว่าถ้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว เขาจะโอนคืนเป็นค่าส่วนลดคืนให้ 1 แสนบาท แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้ทั้งสิงห์และเงินส่วนลดที่เขาอ้าง พอทวงถามกลับบ่ายเบี่ยงสารพัด จนตนมาเจอข่าวอาม่าถูกซินแสคนดังกล่าวหลอกลวงลักษณะเดียวกัน จึงติดต่อทนายไพศาลพาเข้าแจ้งความดังกล่าว
ด้าน นายไพศาล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ซินแสคนดังกล่าวได้มาขอคำปรึกษาคดี จึงได้ให้คำแนะนำไป จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันมานาน กระทั่งล่าสุดเขาโทร.มาขอคำปรึกษากรณีถูกอาม่าแจ้งความดำเนินคดี จึงบอกไปว่าหากไม่ได้ทำผิดก็ให้รีบออกมาชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากนั้นเขาก็ไปออกรายการโหนกระแส อีกวันก็มีข่าวออกมาว่า ทนายไพศาลไปเป็นทนายให้ซินแส เนื่องจากเขาเอารูปคู่กับตนไปโพสต์ ตนจึงโทร.ไปบอกว่าอย่าเอาชื่อตนไปแอบอ้าง ทั้งนี้ ขอยืนยันตรงนี้เลยว่าไม่ได้เป็นทนายให้ซินแสและไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
