ปปป.บุกเรือนจำสอบปากคำ “บอสพอล”เพิ่มปมถูก "เจ๊พัช-ทนายตั้ม" รีดเงิน พ่วงคดีเอกสายไหมกุพยานเท็จ ด้าน "โค้ชแล็ป" ยันไม่เคยติดต่อ "อัจฉริยะ"ให้มาพบในเรือนจำ แฉเจ้าตัวเสนอตัวขอเป็นทีมทนายความแต่ได้ปฏิเสธกลับไป
วันนี้ ( 6 พ.ย. ) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำกำลังเข้าสอบปากคำ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องขังในคดีดิไอคอนกรุ๊ป ยภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯวันนี้ ว่า เป็นการสอบปากคำเพิ่มเติมในคดีที่ นายวรัตน์พล เคยมอบหมายให้ทนายความส่วนตัวแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง กรณีเรียกรับเงิน และ คดีแจ้งเอาผิด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในความผิดฐานหมิ่นประมาท , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ จากกรณีกุเรื่องพยานเท็จหลังบ้านดิไอคอน
นอกจากนี้การเข้าพบนายวรัตน์พล ภายในเรือนจำวันนี้ ทางยังถือโอกาสสอบปากคำ นายวัตน์พล เกี่ยวกับเรื่องที่เคยร้องขอให้ตรวจสอบกรณีถูก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เรียกเงินแลกกับการไม่พากลุ่มผู้เสียหายในคดีดิไอคอนไปออกรายการดังอีกด้วย ถึงแม้ว่ากรณีนี้จะยังไม่มีการรับเงิน แต่เมื่อมีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฎเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการเข้าสอบปากคำ บอสพอล แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ยังได้แบ่งกำแยกสอบปากคำ นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ โค้ชแล็ป ภายในเรือนจำ เพื่อซักถามกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานมูลนิธิชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นตำรวจกองปราบปรามเรียกรับเงินจำนวน 9 ล้านบาท จากโค้ชแล็ป อีกด้วย
จากการสอบปากคำ นายจิระวัฒน์ ให้การยืนยันไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ มาข่มขู่เรียกเงิน 9 ล้านบาท แต่อย่างใด สอดคล้องกับคำให้การของบุคคลใกล้ชิด หรือ ญาติพี่น้องของ นายจิระวัฒน์ ที่ต่างยืนยันว่าไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่มีการเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้ นายจิระวัฒน์ รวมถึงคนใกล้ชิด ยังให้การยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเรียกให้นายอัจฉริยะ เข้าไปพบในเรือนจำแต่อย่างใด เป็นการเข้าไปของนายอัจฉริยะ เอง แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันจริง เนื่องจากนายอัจฉริยะ พยายามเสนอตัวขอเข้ามาเป็นทีมทนายความช่วยดูแลคดี แต่ก็ถูกนายจิระวัฒน์ หรือ โค้ชแล็ป ปฏิเสธกลับไป
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้เข้าไปสอบปากคำบอสพอล รวมถึงบอสดิไอคอนคนอื่นประมาณ 4-5 ปาก กรณีที่บอสพอลเคยมอบหมายให้ทนายความส่วนตัวแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง กรณีเรียกรับเงิน และ คดีแจ้งเอาผิด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในความผิดฐานหมิ่นประมาท , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ จากกรณีกุเรื่องพยานเท็จหลังบ้านดิไอคอน ซึ่งผลการสอบปากคำเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 พ.ย.) จะมีการประชุมเพื่อเร่งทำคดีดังกล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ก็ยังมีการสอบปากคำเพิ่มเติมกับบอสพอล ถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เรียกรับเงินจำนวน 7.5 ล้านบาท โดยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการจับกุมเหล่าบอสดิไอคอน แต่ทางบอสพอลยังไม่ได้โอนเงินดังกล่าวไป และในส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเรียกรับเงินกับนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ โค้ชแล็ป ก็ได้มีการเข้าไปสอบโค้ชแล็ปและบอสพอลเพิ่ม โดยทั้งสองคนก็ยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกรับเงินแต่อย่างใด สำหรับที่มีเส้นเงินไปถึงแม่ของนักการเมือง ส. ก็มีการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีเงินไปถึงประมาณ 6-7 แสนบาท แต่ยอดเงินยังไม่นิ่ง โดยเงินดังกล่าวมีการอ้างว่าเป็นเงินทำบุญ ที่มีการโอนให้แม่นักการเมือง ส.และหลังจากนั้นก็มีการโอนต่อไปให้ยัง ส. อย่างไรก็ตามต้องรอให้ยอดเงินนิ่งก่อน จึงจะเข้าไปสอบบอสพอลเพิ่มและเรียกตัวนักการเมือง ส.มาสอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากนักการเมือง ส. มีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง จะทำให้มีผลกับการดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ที่นี่มีแต่เรื่องของกฎหมาย และอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากพบว่าผิดก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง