xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเต่า” เผยจ่อสรุปคดี “เจ๊พัช” กรรโชกทรัพย์ “บอสพอล” ภายในสัปดาห์นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รอง ผบช.ก.เผย จ่อสรุปคดี “เจ๊พัช” กรรโชกทรัพย์ “บอสพอล” ภายในสัปดาห์นี้ ย้ำ ไม่มีตำรวจกองปราบเรียกรับเงิน “โค้ชแล็ป”

วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี ดิไอคอนกรุ๊ป

โดย พล.ต.ต จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ในกรณีของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ว่า วันนี้จะมีการประชุมในช่วงบ่ายเพิ่มเติมในกรณีนี้ โดยจะเร่งรัดคดีให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ ไม่รู้ว่าจะทันหรือไม่แต่ก็จะพยายามให้เร็วที่สุด โดยจะพยายามทำควบคู่กันไปเพราะอยากให้จบเร็วๆ สัก 1-2 คดี และในส่วนที่เหลือจะต้องมีการสอบสวนพยานอีกหลายส่วน ซึ่งการประชุมภายในวันนี้ก็จะสามารถบอกได้ว่า สำนวนจะเสร็จวันไหน

เมื่อถามว่า เบื้องต้นพอทราบหรือไม่ว่าจะเข้าข่ายความผิดข้อไหนบ้าง พล.ต.ต จรูญเกียรติ กล่าวว่า ที่ทำอยู่ คือ กรรโชกทรัพย์ เพราะพยานหลักฐานชัดเจนแต่ทราบข้อมูลมาว่า พยานยังให้การเรื่องวันที่การจ่ายเงินยังไม่ชัดเจนเท่าไร แต่ส่วนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ น่าจะชัดเจนแล้ว

พล.ต.ต จรูญเกียรติ กล่าวถึงเรื่องที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้มีการกล่าวอ้างว่ามีตำรวจกองปราบเรียกรับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 9 ล้านบาท ว่า ได้เรียก นายอัจฉริยะ และคนที่ให้ข้อมูลกับนายอัจฉริยะ มาสอบปากคำแล้ว ยืนยันว่า ไม่มีการจ่ายเงิน เพียงแค่ได้ยินข่าวมาจากคนใกล้ชิดโค้ชแล็ป ว่า มีการเรียก ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อบุคคลใกล้ชิดคนดังกล่าวได้ จากการตรวจสอบไม่พบพยานหลักฐาน ถ้าพบว่าตำรวจมีการกระทำดังกล่าวก็จะมีการลงโทษตามกฎหมาย และจากการสอบถามทางภรรยาของทางโค้ชแล็ป และบอสพอล พบว่า ไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด ถ้าเกิดว่าพบก็จะไปไล่ดูกล้องและมือถือแต่ปรากฏว่าไม่พบหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงได้ ตนมองว่าในส่วนตรงนี้ทำให้ทางตำรวจสอบสวนกลางเสื่อมเสียชื่อเสียง

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า มีการสอบปากคำคดีดิไอคอนกรุ๊ปไปแล้วกว่า 10,000 ปาก และมีการส่งเอกสารไปแล้วกว่า 5,800 ปาก และที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสาร ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จะมีการนำส่งทั้งหมด ให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ทำต่อ จากการพูดคุยกับทางดีเอสไอ คาดว่า จะสรุปสำนวนทั้งหมดครบฝากสุดท้าย และจะต้องเสร็จให้ทันตามกรอบระยะเวลา 48 วัน หรือถ้าไม่ทันตามกรอบระยะเวลา ก็จะมีการปล่อยตัวผู้ต้องหา แต่ว่าไม่มีการตัดสิทธิในการฟ้องร้อง หลังจากนั้น ก็จะมีการเรียกผู้ต้องหามาฟ้องเพิ่ม ถ้ามีคนช่วยปกปิดอำพรางก็จะมีการดำเนินคดีกับบุคคลนั้น

เผย “เอก สายไหมต้องรอด” เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้มีประชุม 4 เรื่องเป็นหลัก เรื่องแรก เรื่อง น.ส.กฤษอนงค์ นักร้องเรียนหญิง ปมคลิปเสียงเรียกเงิน ในตอนนี้เนื้อหาพยานหลักฐานคืบหน้าไปเยอะแล้ว หลังจากนี้ จะมีการสอบปากคำพยานเพิ่มอีกสองปาก เพื่อยืนยันหลักฐาน คาดอาทิตย์นี้จะมีความชัดเจน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เรื่องที่สองเป็นกรณีนายสามารถ นักการเมือง ขณะนี้พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงแล้ว แต่ยังรอคำสั่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล รอไทม์ไลน์ตามหลักฐานเป็นตัวตั้ง แม้ผู้เสียหายไม่อยากดำเนินคดีกับนายสามารถ แต่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรคงต้องรอดู เพราะมีคลิปเสียงเป็นหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งจะเข้าข่ายความผิด ม.148 ของ ป.ป.ช. หรือไม่ หรือจะเป็นเรื่องกรรโชกทรัพย์ คงต้องคุยกับนักกฎหมายอีกครั้งให้ชัดเจน ส่วนกรณีแม่ของนายสามารถ จากการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังสองปี ปรากฏว่า มีเส้นเงินโอนจากบัญชีบอสพอลเข้ามากว่า 600,000 กว่าบาท กำลังตรวจสอบย้อนหลังอีกหลายปีว่ามียอดตรงไหนเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ รวมไปถึงเรื่องราวร้องเรียนที่เกิดขึ้นว่า มีการนัดเคลียร์เจรจากันหรือไม่ เชื่อว่า กลุ่มคนเหล่านี้คงช่วยเหลือบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป หลังจากนี้ จะเรียกแม่ของนายสามารถมาให้การ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของ เอก สายไหม ต้องรอด ตอนนี้สอบพยานไว้มากพอสมควรแล้ว เบื้องต้นอาจจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนพยานเท็จขอประชุมอีกครั้งว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนมองในเจตนาเป็นหลัก หลังจากนี้ ให้มันจบเป็นเรื่องๆ ไป ขณะที่ในส่วนเรื่องทนายตั้ม ที่น้องสาวของทนายตั้ม เอาหลักฐานของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัท ดิไอคอน มาประมาณ 60 กว่าคน มายื่นเป็นหลักฐาน ตั้งแต่วันที่ 1-14 ตุลาคม 67 กำลังตรวจสอบความเสียหายจริง ว่า ผู้เสียหายติดต่อ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูเจตนารมณ์เป็นหลัก ว่า ช่วงที่เรียกเงิน 7.5 ล้านบาท จากบอสพอล นั้นเป็นการเข้ามาขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายเองหรือไม่ หรือเรียกไปอย่างไร และจะต้องดูว่าผู้เสียหายได้ว่าจ้างให้ทนายตั้มมาช่วยทำคดีหรือไม่ หรือเป็นค่าช่วยเหลือค่าดำเนินการอะไร ซึ่งในวันพุธนี้ (13 พ.ย. 67) จะมีการประชุมอีกครั้ง

“ยืนยันว่า ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่ชมรมหรือกลุ่มที่ตั้งตนช่วยเหลือ แต่กลับเรียกทรัพย์สินของผู้เสียหาย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยากให้ใช้ตำรวจให้เป็นประโยชน์ เพราะตำรวจเข้ามาทำงานให้อยู่แล้ว แต่เพจหรือชมรมต่างๆ ที่ตั้งใจทำเพื่อส่วนรวมต้องขอขอบคุณจริงๆ ด้วยเช่นเดียวกัน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น