MGR Online - ทนายบอสพอล ระบุ 18 บอส“ดิไอคอน” ถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรง ในเรือนจำ ชี้แจงได้ มีหลักฐานยืนยัน เตรียมส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรใน 15 วัน
วันนี้ (11 พ.ย.) เวลา 16.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” เปิดเผยภายหลังการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรงฯ ของดีเอสไอ ว่า ประเด็นหลักที่ดีเอสไอสอบสวน ใช้คำว่า “Dealer get dealer” ในพฤติการณ์ คือ ตัวแทนที่แนะนำให้ตัวแทนคนอื่นสั่งซื้อสินค้า หรือเปิดบิล 250,000 บาท ก็จะได้ค่าตอบแทน ซึ่งประเด็นนี้เป็นค่าคอมมิชชันหรือค่านายหน้าอยู่แล้ว โดยมันไม่ได้มีตลอด หรือมีเรทตายตัว เพราะบางเดือน หรือหลาย ๆ เดือนก็ไม่มี จะมีเฉพาะช่วงที่ต้องการทำยอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นปกติหรือเป็นประจำของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ยืนยันไม่มีประเด็นหนักใจ รวมถึงเรื่องการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ก็ไม่หนักใจ เพราะมันเป็นเรื่องคะแนนที่ได้ไปท่องเที่ยวเท่านั้น
นายวิฑูรย์ เผยว่า ส่วนประเด็นที่ดีเอสไอกล่าวหาว่าเป็นการชักชวนคนมากกว่าการซื้อขายสินค้านั้น ซึ่งในข้อเท็จจริงมีคนมาซื้อสินค้าจริงๆ เนื่องจากในส่วนที่ดีเอสไอระบุ เป็นพฤติการณ์ทำนองว่า ลูกค้าหรือตัวแทนจ่ายเงินให้กับบริษัทฯ แล้วได้ค่าตอบแทน ซึ่งมันไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริง คือ ตัวแทนเปิดบิล เขาได้สินค้าไปขาย ตัวแทนไม่ได้ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทน 48% ตามที่ดีเอสไอเข้าใจ ประเด็นนี้แก้ข้อกล่าวหาได้
“วันนี้เป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 18 ราย และยังไม่ได้สอบสวนปากคำเนื่องจากห้องสอบสวนของเรือนจำฯ มีห้องเดียว และฝั่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีผู้ต้องหาชายหลายคน จึงทำให้สอบปากคำไม่ทัน ดังนั้น หลังจากนี้ก็จะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรและจะยื่นให้ภายใน 15 วัน โดยจะทำรายละเอียดว่าแต่ละเรื่องที่ดีเอสไอมีพฤติการณ์แห่งคดีมา ผู้ต้องหาจะชี้แจงอย่างไรบ้าง ซึ่งเรามีทั้งเอกสาร พยานหลักฐาน การส่งสินค้าไปยังปลายทางทุกอย่าง จึงไม่ได้กังวล”
นายวิฑูรย์ เผยอีกว่า ส่วนผู้ต้องหาที่เข้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คือ บอสอูมมี่ เนื่องจากตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 พ.ย. บอสอูมมี่มีอาการอาเจียนบ่อยและมีอาการอ่อนเพลีย จึงส่งเข้าทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ทั้งนี้ กรณีที่อาจจะสอบปากคำไม่ทัน 7 ฝาก หรือ 84 วัน มองว่าผู้ต้องหาให้การไปไม่รู้จะใช้ระยะเวลากี่วัน เพราะรายละเอียดเยอะ แต่ตนเองเชื่อว่าทัน ส่วนพยานอีกกว่า 2,000-3,000 ราย ตนย้ำว่าจะตัดออกไม่ได้ ถือเป็นการสอบปากคำพยานที่ขายของได้ให้เข้าไปในสำนวน และไม่ควรฟังความข้างเดียว ต้องฟังความอีกข้างด้วย ทั้งนี้ ตนอาจจะขอประกันตัวบอสวิน หรือ นายธวินทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ ก่อน เพราะร่างกายเริ่มแย่เนื่องจากเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่ 3 แล้วทำให้เกิดความกังวลใจ โดยจะยื่นประกันเร็วๆ นี้
นายวิฑูรย์ กล่าวเสริมกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ปมตำรวจกองปราบ รีดเงิน 9 ล้านบาท ไม่เป็นความจริง ว่า ตนมองว่าตำรวจสามารถเอาผิดได้เอง แต่ถ้าจะให้ทางฝั่งตนเองร้องทุกข์กล่าวโทษ ตนก็ขอปรึกษาโค้ชแล็ปและภรรยาของโค้ชแล็ปก่อน เพราะทั้งกองบังคับการปราบปราม และฝั่งของตนเองก็เสียหายทั้งคู่ เนื่องจากเป็นเรื่องไม่จริง ทำให้ตัวของโค้ชแล็ปต้องเสียเวลากับการให้ข้อมูลด้วย
“ส่วนประเด็นมีภรรยาอีกคน โค้ชแล็ป ยืนยันมีภรรยาคนเดียว ซึ่งประเด็นนี้ก็เชื่อว่าโค้ชแล็ปจะดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทฯ นอกจากนี้ ออเดอร์ใหม่จากบอสพอล ยอมรับว่ามีแต่เป็นกลุ่มแม่ข่ายกับนักธุรกิจประมาณ 4-5 ราย และยังไม่เคยเปิดชื่อมาก่อน ทั้งนี้ ทางบอสพอลได้ทราบแล้วว่าทนายตั้มได้เข้าไปอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่บอสพอลไม่ได้พูดถึง แค่รับทราบเท่านั้น”