“เจ๊หนิง” พาหลานชายเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับ คดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก”
จากกรณี น.ส.ธนัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือหนิง อดีตอาจารย์พิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานแจ้งความให้ดำเนินคดีนางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกัน นางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับ น.ส.ธนัฏฐา พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และนายพงษ์พัฒน์ หลานชายเจ๊หนิง ในข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (28 พ.ย.) ที่ สน.พระโขนง น.ส.ธนัฏฐา ได้พานายพงษ์พัฒน์ หลานชายเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ผกก.สน.พระโขนง ภายหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น
โดย น.ส.ธนัฏฐา กล่าวว่า ในวันนี้ได้พาหลานเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากทราบว่าได้ถูกออกหมายจับด้วย ซึ่งตนได้เตรียมเงินสดจำนวน 75,000 บาท ไว้เพื่อขอยื่นประกันตัวหลานไว้แล้ว ซึ่งหลานชายเพิ่งกลับมาจากเชียงราย ก่อนมาหาตนและเดินทางจากนครปฐม เพื่อมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้หลานไม่ได้รับหมายเรียกใดๆ เลย โดยปกติหมายจะถูกส่งไปยังภูมิลำเนา จ.เพชรบูรณ์ แต่ได้ตรวจสอบแล้วก็ไม่มี
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือในวันเกิดเหตุแต่ไม่พบว่าหลานชายอยู่ในที่เกิดเหตุนั้น นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พกโทรศัพท์ไว้ที่ตัว เนื่องจากโทรศัพท์พัง แต่ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุตนได้เดินทางไปที่คอนโดดังกล่าว และพบภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จริง โดยมากับพวกอีก 3 คน ซึ่งตนไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าเป็นภรรยาของอดีตนายพลตำรวจ แต่เคยเจอกับภรรยาอดีตนายพล 1 ครั้ง ที่บ้านพักย่านคลอง 7 จ.ปทุมธานี ซึ่งภรรยาของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปเข้าห้องน้ำที่บ้าน แต่แค่เห็นผ่านๆ ในวันเกิดเหตุ ตนนั่งแท็กซี่ไปที่คอนโดเวลาประมาณบ่าย 2 และขึ้นห้องพักของป้าหนิง ที่ชั้น 7 ก็พบภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เข้าไปในห้อง
จากนั้นเห็นถือกระเป๋าสีดำคล้ายกระเป๋าโน้ตบุ๊กออกมา ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด ตนได้ให้กับพนักงานสอบสวนไว้ในสำนวนหมดแล้ว จากนั้นตนได้ลงจากคอนโดและไปยืมโทรศัพท์มือถือจากคนที่อยู่ด้านล่างเพื่อโทรไปหาป้าหนิง เมื่อป้ามาถึงก็รู้สึกตกใจ ตนก็อธิบายให้ป้าฟังว่า มีผู้หญิง 1 คนซึ่งภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์มากับพวกอีก 3 คนเข้าไปในห้อง
น.ส.ธนัฏฐา กล่าวอีกว่า ตนก็พร้อมที่จะให้ทางตำรวจตรวจสอบในเรื่องเบอร์โทรศัพท์ที่หลานใช้โทรเข้าในวันเกิดเหตุ รวมถึงคดีที่ตนแจ้งความไว้ ได้เตรียมนำหลักฐานการซื้อทองคำไปมอบให้ในชั้นศาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่เข้าไปเก็บพยานหลักฐาน และรอยนิ้วมือที่คอนโดเกิดเหตุ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมและได้นำภาพหลักฐานคลิปวิดีโอประตูห้องพักของ พ.ต.อ.ภีมพจน์ ที่อยู่ภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ถูกคนร้ายงัดประตูห้องแต่ไม่สามารถเข้าไปภายในห้องได้ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเจ๊หนิงจะถูกศาลออกหมายจับในคดีแจ้งความเท็จ ให้กับผู้สื่อข่าวดู ซึ่งทางฝ่ายสามีอยู่ระหว่างขอภาพกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียน เพื่อจะใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าว
ต่อมา พ.ต.ท.ประยูร ทองนุ่น รอง ผกก.สอบสวน สน.พระโขนง ได้นำตัวนายพงษ์พัฒน์ ลงมาทำประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือ ภายในห้องสืบสวน โดยภายหลังการสอบปากคำนายพงษ์พัฒน์เสร็จสิ้น ทางพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ซึ่ง น.ส.ธนัฏฐา ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด ก่อนถูกปล่อยตัวกลับ