"บิ๊กต่าย" มอบ “บิ๊กจวบ” นำทีมนั่งปราบผู้มีอิทธิพล เน้นเข้าพื้นที่ส่อขัดแย้ง ป้องเกิดเหตุทันที พร้อมลุยปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เสียใจ วิสามัญสามีหึงโหดยิงภรรยาดับ ยันตร.ชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.1 ทำตามยุทธวิธี สั่งสอบให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
วันนี้ (25ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. หลังเข้าพบน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่นายกรัฐมนตรี ระบุจะนั่งเป็นหัวหน้าทีม ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิด และเมื่อจะเกิดการเลือกตั้งท้องถิ่น และเราเห็นกรณีที่เกิดขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีเป็นโมเดล จึงไม่อยากเห็นการทำร้ายกันด้วยวิธีเช่นนี้ และจากการพูดคุยตนจะมอบหมายพล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผบ.ตร. และพล.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ส่วนข้อมูลได้พูดคุยกับพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเราไม่ได้เปิดปฏิบัติการแบบดาวกระจายทั้งหมด แต่จังหวัดไหนที่ดูแล้วอาจมีแนวโน้มเรื่องความขัดแย้งขึ้น เราต้องปฏิบัติงานทันทีเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย
ผู้สื่อข่าวถามกรณีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้ประเทศเพื่อนบ้าน หากยังไม่คืบหน้า จะส่งคนของเราเข้าไปทลาย ทางตำรวจสามารถทำได้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ทราบที่พูด และจากที่เคยเป็นผอ.ศูนย์ ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เราได้พูดคุยกับทางกัมพูชา เมียนมา ลาว ถึงขบวนการที่อยู่ต่างประเทศ และตอนนี้ยังเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เรามีข้อมูลเรื่องหมายจับอยู่ในมือและยังประสานต่อเนื่องว่าต้องตามตัวคนพวกนี้กลับมาดำเนินคดี ส่วนยุทธวิธีในการล้มเสาสัญญาณและกลับมาทางประเทศเรา ทางกสทช. ช่วยได้เยอะ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของข้อมูลบัญชี ธนาคาร สมาคมธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินให้ความร่วมมืออย่างดี เวลานี้ขยับกันทุกหน่วย เชื่อว่าข้อมูลที่เราได้จากหน่วยงานต่างๆเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับการสืบสวนเป็นอย่างมากในอนาคต ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ ว่า กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ได้สร้างแอพพลิเคชั่น Cyber Check ที่มีการพัฒนามาต่อเนื่อง เพื่อ ให้ประชาชนทั่วไปได้โหลดเพื่อตรวจสอบข้อมูล ทั้งหมายเลข โทรศัพท์เบอร์บัญชี ของเราถูกนำไปใช้หรือไม่ และสินค้าว่าเป็นของจริงหรือไม่ ขณะที่ตำรวจท่องเที่ยวก็มีแอพพลิเคชั่น Thailand Tourist Police ให้ข้อมูลกับท่องเที่ยวในช่วงของความเร็วของปีใหม่ป้องกันการถูกหลอก และเตือนภัยพื้นที่อันตราย
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ยังให้สัมภาษณ์เหตุตำรวจวิสามัญคนร้ายก่อเหตุยิงภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ว่า เบื้องต้นตำรวจทั้ง 2 นายปลอดภัยแล้ว ตอนนี้ย้ายรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ มีหนึ่งนายถูกยิงที่ต้นขาขวาหนึ่งนัด ตำรวจอีกนาย ถูกยิงที่ต้นขาขวาและสะโพก กระสุนตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่ ตอนนี้ทั้งคู่อาการปลอดภัยดี ส่วนผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญหลังจากพบว่าไปหลบซ่อนตัวภายในบ้านซึ่งเป็นพื้นที่จำกัด และยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ หลังจากนี้ต้องไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรมว่าเคยต้องโทษหรือไม่
“ยืนยันว่า ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษปฏิบัติหน้าที่ตามยุทธวิธี แต่คนร้ายเกิดยิงต่อสู้ออกมา ซึ่งเป็นจุดอวัยวะที่ไม่มีเครื่องป้องกันทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิสามัญผู้ก่อเหตุ”
ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนที่ญาติผู้ก่อเหตุติดใจการเข้าปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย แต่ในรายละเอียด แม้ว่าญาติจะติดใจเหตุการณ์เสียชีวิตก็ต้องดูเรื่องของการสอบสวน ยืนยันว่าขั้นตอนการสืบสวนไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และตำรวจคงไม่ใช้ปืนยิงที่ขาตัวเองเจนบาดเจ็บ หลังจากนี้ต้องตรวจพิสูจน์เรื่องวิถีกระสุนและเขม่าดินปืน รวมถึงปลอกกระสุน หากตำรวจทำไม่ถูกต้องก็ต้องพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งนี้จากการสอบถามเรื่องดังนี้ไปกับผบช.ภ.1มั่นใจว่า ตำรวจมีความจำเป็นและต้องปกป้องชีวิตของตัวเองในขณะที่ผู้ก่อเหตุยิงต่อสู้ และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ก่อเหตุ พร้อมยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
“เน้นย้ำและกำชับการเข้าปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจมาตลอด ต้องเป็นไปตามยุทธวิธี ส่วนที่เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บในจุดที่ไม่มีเครื่องป้องกัน หลังจากนี้จะต้องพิจารณาอุปกรณ์ป้องกันเวลาเข้าไปเผชิญเหตุ เพราะเคยมีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง และมีบางครั้งที่เจ้าหน้าที่เสียชีวิต