xs
xsm
sm
md
lg

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าโต้สื่อแนวร่วมเจ้าหน้าที่ไม่ได้เมาหรือขู่ฆ่าผู้ต้องสงสัยจนเกิดอุบัติเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจง "ฮัมดี โตะมะ" ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง ที่กระชากพวงมาลัยรถเจ้าหน้าที่เพื่อหลบหนีเกี่ยวข้องกับ 7 คดีความมั่นคง กลับมามอบตัวหลังเกิดเหตุ โต้เจ้าหน้าที่ไม่ได้เมา หรือขู่ฆ่า

วานนี้ (27 ธ.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีนายฮัมดี โตะมะ บุคคลต้องสงสัยจากเหตุความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กระชากพวงมาลัยรถเจ้าหน้าที่เพื่อหลบหนีขณะเจ้าหน้าที่กำลังนำตัวไปส่งที่ ศปก.ตร.สน. อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้รถเกิดอุบัติเหตุส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 3 นาย ว่า หลังเกิดเหตุ นายฮัมดีได้เข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.

จากการตรวจสอบร่างกายเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลบริเวณแขนขวา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งจัดหาอาหารและน้ำดื่มให้เป็นการด่วน เนื่องจากนายฮัมดีอยู่ในอาการบาดเจ็บ อ่อนเพลีย และหิวโซ พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่นับได้ว่า เป็นการปฏิบัติตามหลักกฎหมาย หลักมนุษยธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าบุคคลดังกล่าวจะมีพฤติกรรมเช่นใดมาก่อน แต่เมื่อตรวจพบว่าอยู่ในสภาพบาดเจ็บจึงต้องให้การช่วยเหลือให้พ้นขีดอันตรายเป็นอันดับแรก

อย่างไรก็ตาม ได้มีสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งคาดว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง กล่าวโจมตีบิดเบือนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในด้านต่างๆ โดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวพยายามกล่าวหาชี้นำสังคม บิดเบือนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีความโปร่งใส

"สื่อออนไลน์เหล่านั้นกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่อยู่ในอาการมึนเมาและพยายามขู่ฆ่านายฮัมดีตลอดเวลา รวมทั้งยังกล่าวหาว่า ในระหว่างการหลบหนี นายฮัมดีได้แย่งชิงอาวุธของเจ้าหน้าที่ไปด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ยิงปืนใส่ จึงจำเป็นต้องหนี คำกล่าวอ้างดังกล่าวเลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานและมูลความจริงแต่อย่างใด"

กอ.รมน.ภาค 4 สน.จึงขอสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างโปร่งใสชัดเจน และไม่มีอาวุธของเจ้าหน้าที่สูญหาย ไม่ได้ยิงปืนออกไปแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทุกนายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงกระแทกของรถยนต์และไม่ได้อยู่ในภาวะเตรียมตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าควบคุมตัวนายฮัมดี โตะมะ ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี อ.ปะนาเระ และ อ.ยะหริ่ง และปล้นเงินพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาปาลัส จำนวน 1.2 ล้านบาท โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักใน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567

จากนั้น ฉก.ทพ.44 ได้นำตัวไปลงบันทึกประจำวัน ณ สภ.ทุ่งยางแดง โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และเชิญตัวนายฮัมดีไปยังศูนย์ซักถาม ฉก.ทพ.43 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามในขั้นต้น จากผลการซักถาม นายฮัมดีให้การยอมรับว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จำนวน 7 เหตุการณ์ประกอบด้วย

1.เหตุประกบยิง น.ส.กันยารัตน์ ขุนนอก และนางเอกปิยะ รัตนปรี ในพื้นที่  อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 5 เม.ย.2557
2.เหตุยิง น.ส.ลออ พรมจินดา เสียชีวิต ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี  เมื่อ 15 พ.ค.2557 โดยทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ให้มือปืน
3.เหตุยิง อส.ทพ.ภูมิศักดิ์ เย็นทั่ว เสียชีวิต ในพื้นที่  อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี  เมื่อ 15 พ.ค.2557 โดยทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ให้มือปืน
4.เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถบรรทุกเก็บขยะ ในพื้นที่  อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 21 มิ.ย.2565
5.เหตุปล้นเงินพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาปาลัสเมื่อ 18 พ.ย.2567
6.เหตุลอบวางระเบิดในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ต.เกาะจัน อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อ 22 มี.ค.2567
และ 7.เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถยนต์บนถนนระหว่าง สภ.ปะนาเระ กับที่ว่าการ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 24 ต.ค.2567

อย่างไรก็ตาม การที่นายฮัมดีเลือกที่จะเข้าไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.นั้น ย่อมแสดงว่า นายฮัมดีเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่ว่าจะไม่ทำร้ายและให้การคุ้มครองตนเองได้อย่างแน่นอน นับเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เป็นที่พึ่ง และเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ในทุกโอกาส 
กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอให้ประชาชนได้ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลที่รับทราบจากสื่อในช่องทางต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำพาความสงบและสันติสุขอย่างยั่งยืนมาสู่พื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น