อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ซึ่งกำลังเป็นผู้นำในการดำเนินการตามความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จะลดทอนรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้มีขนาดเล็กลง ออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนเช้าวันจันทร์ (3 ก.พ.) โดยระบุด้วยว่า พวกเขากำลังทำงานเพื่อปิดองค์การยูเอสเอด (USAID) ที่เป็นหน่วยงานช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ
มัสก์ ซึ่งเป็นซีอีโอของบริษัท เทสลา และบริษัทสเปซเอ็กซ์ ด้วย ได้พูดคุยหารือเกี่ยวกับภารกิจของกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency หรือDOGE) ในการสนทนาทางโซเชียลมีเดียบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันจันทร์ (3) ทั้งนี้กระทรวงแห่งนี้คือหน่วยงานมุ่งตัดทอนรายจ่ายของรัฐบาลกลาง ซึ่งทรัมป์ประกาศแต่งตั้งมัสก์ให้มาเป็นผู้นำ
ในการสนทนากันครั้งนี้ ซึ่งมี วิเวก รามาสวามี อดีตผู้ลงแข่งขันเพื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน และวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน 2 คน คือโจนิ เอิร์นสก์ และไมค์ ลี เข้าร่วมด้วยนั้น เริ่มต้นขึ้นด้วยการที่ มัสก์ กล่าวว่า พวกเขากำลังทำงานกันอยู่เพื่อปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for International Development หรือ USAID)
“มันอยู่ในขั้นเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว” มัสก์กล่าว พร้อมเสริมด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ก็เห็นพ้องว่าสมควรปิดหน่วยงานนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (2 ) รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายว่า คณะบริหารของทรัมป์ได้ปลดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงที่ยูเอสเอด 2 คนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทั้งคู่พยายามขัดขวางไม่ให้ทีมงานจาก DOGE เข้าถึงพื้นที่ต้องห้ามบางส่วนในอาคารที่ทำการของ DOGE
ยูเอสแอด ถือเป็นผู้บริจาคความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้จัดสรรความช่วยเหลือให้แก่ทั่วโลกเป็นจำนวนสูงถึง 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิ่งที่ให้ความช่วยเหลือก็เรียกว่ามีทุกอย่าง ตั้งแต่การดูแลสุขภาพของผู้หญิงในพวกพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งกันอยู่ โดยมุ่งทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงน้ำสะอาด การบำบัดรักษาโรคเอชไอวี/เอดส์ ความมั่นคงด้านพลังงาน ตลอดจนถึงงานต่อต้านปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
สำหรับในปี 2024 ยูเอสเอด ก็เป็นผู้จัดหาความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมราว 42% ของที่สหประชาชาติติดตามมาได้จากทั่วโลก
เว็บไซต์ยูเอสเอดยังคงออฟไลน์ในวันเสาร์ (1 ก.พ.) และผู้ใช้บางรายยังไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้ได้ในวันอาทิตย์ ทั้งนี้รายงานระบุว่า หน่วยงานนี้มีบุคลากรกว่า 10,000 คน
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้เซ็นคำสั่งระงับความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศเกือบทั้งหมดเอาไว้ก่อน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งแห่งนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของ ข่าวนี้สร้างความพรั่นพรึงไปทั่วโลก โดยโครงการที่ถูกระบุว่ามีความเสี่ยงถูกยกเลิก เช่น โรงพยาบาลสนามในค่ายผู้ลี้ภัยในไทย การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในเขตสงคราม และยารักษาโรค เช่น เอชไอวี สำหรับผู้ป่วยนับล้านๆ
ระหว่างการสนทนากันทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันอาทิตย์ มัสก์พูดกว้างๆ หลวมๆ เกี่ยวกับการตัดลดงบประมาณรายจ่ายของสหรัฐฯ ตลอดจนการลดทอนทุจริตฉ้อโกงในสหรัฐฯ โดยที่ มัสก์ กล่าวประมาณการว่า คณะบริหารทรัมป์สามารถที่จะตัดลดการขาดดุลงบประมาณลงมา 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้ทีเดียวในปีหน้า
เขายืนยันเรื่องนี้ พร้อมกับยกตัวอย่างว่า กลุ่มต้มตุ๋นมืออาชีพที่เป็นชาวต่างชาติ กำลังขโมยเงินก้อนใหญ่ด้วยการปลอมแปลงตัวหรือสร้างพลเมืองอเมริกันปลอมในระบบดิจิทัล
ทั้งนี้ มัสก์ไม่ได้เปิดเผยหลักฐานเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้ ตลอดจนไม่ได้อธิบายว่า ตัวเลขกลมๆ 1 ล้านล้านดอลลาร์มาจากไหน
การแชตทางออนไลน์ครั้งนี้เกิดขึ้น ขณะที่มีความกังวลเกี่ยวกับการที่มัสก์สามารถเข้าถึงระบบของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ชำระเงินจำนวนปีละกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ในนามหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยที่ระบบดังกล่าวนี้ยังมีข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันนับล้านๆ ที่ได้รับเงินจากระบบประกันสังคม ตลอดจนได้เงินจากการคืนภาษี ตลอดจนได้รับเงินอื่นๆ จากรัฐบาล
ส.ว.ปีเตอร์ เวลช์ สังกัดพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภา เรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายว่า เหตุใดมัสก์จึงได้รับอนุญาตให้เข้าถึงระบบชำระเงินดังกล่าว ทั้งนี้ เวลช์ ระบุว่าเรื่องนี้ถือเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบของข้าราชการที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งแสดงให้เห็นว่า เงินซื้ออำนาจได้ในทำเนียบขาวยุคทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ออกโรงปกป้องมัสก์ว่า ทำงานได้ดีมากแม้มีบางครั้งที่คิดเห็นไม่ตรงกันก็ตาม
ทั้งนี้ ทีมงานของมัสก์ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงหรือมีอำนาจควบคุมระบบต่างๆ ในรัฐบาล
(ที่มา : รอยเตอร์)