นายกรัฐมนตรีแห่งกรีนแลนด์ประกาศวานนี้ (4 ก.พ.) ว่า ดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์กจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 11 มี.ค. ท่ามกลางความสนใจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศว่าอยากได้เกาะอาร์กติกแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
ประเด็นสำคัญที่ถูกใช้ในการรณรงค์หาเสียงคาดว่าจะเป็นเรื่อง "เอกราช" ของกรีนแลนด์ รวมไปถึงความสัมพันธ์กับเดนมาร์กและสหรัฐฯ ตลอดจนเศรษฐกิจที่เปราะบางของเกาะกรีนแลนด์ที่ปัจจุบันพึ่งพาเพียงการประมงและความช่วยเหลือจากรัฐบาลเดนมาร์ก
ทรัมป์ ได้รื้อฟื้นแนวคิดที่ตนเคยเสนอมาแล้วเมื่อปี 2019 ว่าอยากจะได้เกาะกรีนแลนด์ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงยุทธศาสตร์ และไม่ปิดโอกาสที่สหรัฐฯ จะใช้กำลังทหารหรืออำนาจทางเศรษฐกิจเพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนนี้
กรีนแลนด์ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ยังไม่ถูกนำขึ้นมาใช้แสดงท่าทีเปิดกว้างสำหรับการทำธุรกิจ แต่ยังไม่ต้องการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา และเพื่อเป็นการตอบโต้ท่าทีของ ทรัมป์ รวมถึงความกังวลว่าต่างชาติอาจเข้ามาแทรกแซง สมาชิกสภานิติบัญญัติกรีนแลนด์ได้ลงมติในวันอังคาร (4) ห้ามการรับเงินบริจาคจากต่างชาติ หรือเงินบริจาคเข้าพรรคการเมืองแบบไม่ประสงค์ออกนาม
ท่าทีกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ดินแดนของสหรัฐฯ ยังทำให้สมาชิกสภากรีนแลนด์ตัดสินใจแก้ไขกฎหมายเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับการที่ต่างชาติจะเข้าไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์และถือครองสินทรัพย์ต่างๆ ด้วย
"เราอยู่ในห้วงเวลาแห่งความตึงเครียด เวลาที่เราไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน และไม่ใช่เวลาที่เราจะมาแตกแยกกันเองภายใน" นายกรัฐมนตรี มูเต เอเกเด แห่งกรีนแลนด์ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้เอ่ยถึง ทรัมป์ ตรงๆ
อย่างไรก็ตาม การรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเอกราชจากเดนมาร์กก็เริ่มมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เอเกเด ซึ่งจะมีอายุครบ 38 ปีในวันเลือกตั้ง สนับสนุนการเรียกร้องเอกราชของกรีนแลนด์ แต่ยังไม่เคยเสนอแผนว่าจะทำอย่างไร ปัจจุบันเขาเป็นผู้นำรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคฝ่ายซ้าย Inuit Ataqatigiit กับพรรค Siumut ซึ่งเป็นสายสังคม-ประชาธิปไตย
แม้ว่าทั้ง 5 พรรคการเมืองในสภากรีนแลนด์จะแสดงจุดยืนสนับสนุนเอกราช แต่ก็ยังมีมุมมองที่แตกต่างกันว่าสิ่งนี้ควรเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร และมีเพียงพรรคฝ่ายค้าน Naleraq ซึ่งมี ส.ส. อยู่ 5 คนในสภา 31 ที่นั่งที่ประกาศว่าต้องการตัดความสัมพันธ์กับเดนมาร์กในทันที
"สิ่งสำคัญที่สุดในการรณรงค์หาเสียงของเราก็คือ การเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวเป็นเอกราชจากเดนมาร์ก" เปเล โบรเบิร์ก ผู้นำพรรต Naleraq ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
ผลสำรวจความคิดเห็นโดย Verian ซึ่งจัดทำเพื่อหนังสือพิมพ์ Berlingske ของเดนมาร์ก และหนังสือพิมพ์ Sermitsiaq ของกรีนแลนด์ พบว่าชาวกรีนแลนด์ส่วนใหญ่จะโหวต "แยกตัวเป็นเอกราช" หากว่ามีการทำประชามติเกิดขึ้นในวันนี้
อย่างไรก็ตาม ผลโพลยังพบว่าชาวกรีนแลนด์ 45% ไม่เห็นด้วยกับการแยกตัว หากจะส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาย่ำแย่ลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเส้นทางสู่ความเป็นเอกราชของกรีนแลนด์นั้นยังคงไม่มีอะไรแน่นอน
ที่มา : รอยเตอร์