ผู้พิพากษาสหรัฐฯ ยับยั้งคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้ส่งผู้ต้องขังหญิงข้ามเพศ (transgender women) ทุกคนไปขังในเรือนจำชาย และยกเลิกสิทธิเข้าถึงการรักษาเพื่อข้ามเพศ (gender-affirming care)
คำตัดสินของผู้พิพากษาศาลแขวง รอยซ์ แลมเบิร์ธ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผู้พิพากษาส่วนกลางได้ออกมาดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ ซึ่งไม่ต้องการให้สำนักงานราชทัณฑ์สหรัฐฯ ปฏิบัติตามคำสั่งบริหารที่ ทรัมป์ ลงนามตั้งแต่วันแรกที่สาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.
ทั้งนี้ คำสั่งของผู้พิพากษา แลมเบิร์ธ นั้นไปไกลยิ่งกว่าคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลส่วนกลางในบอสตันเมื่อวันที่ 26 ม.ค. โดยนอกจากจะห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ส่งผู้หญิงข้ามเพศไปยังเรือนจำชายแล้ว ยังไม่อนุญาตให้รัฐบาลบังคับใช้นโยบายดังกล่าวเลย จนกว่าจะมีคำสั่งศาลเพิ่มเติม
ทรัมป์ ได้เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลางรับรองบุคคลแค่ 2 เพศคือ “ชาย” และ “หญิง” และให้ส่งผู้ต้องขังที่เป็นสตรีข้ามเพศไปยังเรือนจำชาย นอกจากนี้ยังระงับเงินอุดหนุนการรักษาเพื่อแปลงเพศสำหรับนักโทษกลุ่มนี้ด้วย
ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังข้ามเพศประมาณ 2,230 คนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำส่วนกลางของสหรัฐฯ และบ้านกึ่งวิถี (halfway houses) ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในจำนวนนี้มีอยู่ 2 ใน 3 หรือ 1,506 คนที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ และได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำหญิงเพียงแค่ 16 คน
ก่อนที่จะมีคำสั่งของ ทรัมป์ ออกมา สำนักงานราชทัณฑ์สหรัฐฯ ได้ยึดถือแนวปฏิบัติซึ่งเริ่มใช้ในปี 2022 ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่เรือนจำพิจารณา “การแสดงออกทางเพศในปัจจุบัน” เพื่อตัดสินใจว่าจะส่งผู้ต้องขังไปไว้ในเรือนจำใด
ที่มา : รอยเตอร์