xs
xsm
sm
md
lg

"ทนายตั้ม-เมีย" กับพวกให้การปฏิเสธ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง-ฟอกเงิน หลอก“เจ๊อ้อย”กว่า 100 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



"ทนายตั้ม-เมีย" กับพวกให้การปฏิเสธ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง-ฟอกเงิน หลอก“เจ๊อ้อย”กว่า 100 ล้าน ศาลนัดสอบคำให้การ 10 มี.ค.นี้

ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ ( 7 ม.ค.) ศาลอาญานัดสอบคำให้การคดี อทย.109/2568 ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องและมอบหมายให้อัยการยื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 7 คนร่วมกันฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย จำนวน 111 ล้านบาท การกระทำผิดเกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยฟ้องนายษิทรา ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกง โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(1), พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60

ฟ้องนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา จำเลยที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวของภรรยา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จำเลยที่ 5 (ได้ประกันตัว) ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60

ฟ้อง นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือ นุ จำเลยที่ 3 และน.ส.สารินี นุชนารถ หรือ สา จำเลยที่ 4 คนสนิททนายตั้ม ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,

ฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล จำเลยที่ 6 และน.ส.มนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ จำเลยที่ 7 (ทั้งคู่เป็นพนักงานขายรถเบนซ์) ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265

ทั้งนี้ขอศาลสั่งให้นายษิทรา หรือทนายตั้ม จำเลยที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้จำเลยที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ
โดยจำเลยที่ 1,2,3,4 ไม่ได้ประกันตัว ส่วน จำเลยที่ 5,6 และ 7 ได้ยื่นคำร้องประกันตัว และศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างสู้คดี

นอกจากนี้ยังมีอีกสำนวนคดีที่ยื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด จำเลยที่ 1, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวของภรรยา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จำเลยที่ 2 ฐานฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน

พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด จำเลยที่ 1 ฐานฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(18), 5, 9 วรรคสองและมาตรา 60

ฟ้องน.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18),5,9 วรรคสองและมาตรา 60

ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว นายษิทรา หรือทนายตั้ม จำเลยที่ 1,นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด จำเลยที่ 2, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือ นุ จำเลยที่ 3 และน.ส.สารินี นุชนารถ หรือ สา จำเลยที่ 4 คนสนิททนายตั้ม มาจากเรือนจำ เพื่อสอบคำให้การ ส่วน น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยาทนายตั้ม จำเลยที่ 5 ,น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล จำเลยที่ 6 และน.ส.มนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ จำเลยที่ 7 ทั้งคู่เป็นพนักงานขายรถเบนซ์ ได้ประกันตัว เดินทางมาศาลตามนัด

โดยนายเริงยศ ทรัพย์เงินทอง และ นายพินิจ ลักษณวิศิษฏ์ ทนายของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เเละ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา จำเลยในคดีร่วมกับพวกฉ้อโกง และฟอกเงิน กล่าวก่อนที่จะเข้าห้องเวรชี้ว่า วันนี้เป็นการสอบคำให้การเท่านั้น เบื้องต้นตนเองยังไม่ได้คุยกับลูกความ เดี๋ยวขอขึ้นไปคุยกับลูกความก่อนว่าจะให้การอย่างไร

เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการยื่นขอประกันอีกหรือไม่ทนายความบอกว่า ขอดูความเหมาะสมของเวลาคาดว่าจะอย่างไรและขอดูนัดตรวจพยานนัดหน้าก่อน และขอไปปรึกษากับทีมทนายก่อนว่าอย่างไร ส่วนครั้งที่แล้วที่ศาลไม่ได้ให้ประกันนั้นเป็นดุลยพินิจของศาล ซึ่งตนและลูกความไม่ได้มีความกังวลอะไรทำตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้ง ศาลไม่ได้ตัดสิทธิ์ในการยื่นขอประกันในครั้งหน้าจึงไม่ได้กังวลอะไร


ภายหลังสอบคำให้การเสร็จ นายเริงยศ ทนายความออกมาเปิดเผยว่า ในวันนี้นางปทิตตามีกำลังใจดีและในเบื้องต้นนางปทิตตาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยหลังจากนี้ศาลจะนัดตรวจสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 10 มี.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายษิทราปฏิเสธข้อกล่าวหาเหมือนกับนางปทิตตาหรือไม่ ด้านนายพินิจกล่าวว่า นายษิทรามีกำลังใจดีเหมือนกับนางปทิตตาและให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน โดยนายษิทราได้อ้างว่าเขามีหลักฐานที่จะสามารถต่อสู้คดีได้และตนยังได้คุยกับทนายความของจำเลยทุกคนในคดีนี้ ยังไม่มีจำเลยคนใดให้การรับสารภาพซึ่งทุกคนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่าในวันที่ 10 มี.ค.ที่จะมีการตรวจพยานหลักฐานทางทีมทนายความจะเตรียมหลักฐานมาเสนอในชั้นศาลหรือไม่ นายเริงยศ กล่าวว่า ในวันนั้นเป็นการตรวจของโจทก์คือพนักงานอัยการที่จะนำหลักฐานมาตรวจให้ทางเราดูในการสืบพยานของฝ่ายโจทก์ แต่ในส่วนของจำเลยสามารถพิสูจน์หลักฐานได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าขั้นตอนการยื่นขอปล่อยชั่วคราวจะยื่นหลังวันที่ 10 มี.ค.หรือไม่ นายเริงยศ กล่าวว่า เท่าที่ตนคุยกับทีมทนายแล้ว ทางตนและทีมทนายจะรอดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าจะยื่นขอปล่อยชั่วคราวในช่วงใด โดยการยื่นขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมดนั้นจะแยกไปตามทนายความของแต่ละคนซึ่งในส่วนของตนจะดูแลลูกความคือนางปทิตตา ซึ่งจำเลยแต่ละคนจะยื่นขอปล่อยชั่วคราวเมื่อไหร่ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่ในส่วนของตนจะยื่นขอปล่อยชั่วคราวก่อนหรือยื่นในภายหลังเป็นสิ่งที่ตัวจำเลยจะต้องดูความพร้อมหรือพยานหลักฐานต่าง ๆ ก่อนว่ามีเอกสารอะไรที่เข้ามาเพิ่มหรือไม่


ภายหลังศาลอกนั่งบัลลังก์ ได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งหมดฟังแล้วสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพ หรือ ปฏิเสธข้อกล่าวหา ซึ่งปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธขอสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น