xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” เผยคุย “อันวาร์” 3 เรื่อง โวรู้คนไทยใครเจ้าของตึก 25 ชั้นปอยเปต จ่อแก้ปมเมียนมา เดินหน้าคริปโตฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ทักษิณ” เผย คุย “อันวาร์” 3 เรื่อง จ่อถกผู้นำในอาเซียน แก้ปัญหาความขัดแย้งเมียนมา เดินหน้าคริปโตเคอร์เรนซี นำร่อง 3 ประเทศ สอดคล้องทิศทางสหรัฐฯ เผยรู้ว่าเจ้าของตึก 25 ชั้น ที่ปอยเปต เป็นของใคร มีสัญชาติไทยด้วย

วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.15 น. นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน กล่าวถึงการเดินทางไปประชุมร่วมกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2-3 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ประธานอาเซียน ขอให้ตนช่วย 2-3 เรื่อง

เรื่องแรก เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทยและเมียนมา เนื่องจากการสู้รบในเมียนมา ทำให้อาเซียนถูกลดความสำคัญลงไปอย่างมาก ประธานอาเซียนจึงไม่ต้องการให้ประเทศในอาเซียน มีการปกครองที่ผิดปกติ จึงต้องการให้ตนไปคุยกับทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ และในประเทศอาเซียน ตนก็รู้จักเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคงจะต้องหาเวลาเดินทางไปพบกับผู้นำทุกฝ่ายเพื่อพูดคุยกันต่อไป

เรื่องที่ 2 คือ เรื่องที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เริ่ม Crypto Currency ในสหรัฐฯ แล้ว แต่หากประเทศอาเซียนไม่ขยับ ก็จะเสียเปรียบ จึงต้องการให้ตนซึ่งสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ได้ทำข้อเสนอแนะให้อาเซียน โดยประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย จะเป็น 3 ประเทศหลัก ที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้

นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เราจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร ให้เบาบาง หรือจบลงเร็วที่สุด

นายทักษิณ ชินวัตร ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการฝากประเด็นอะไร หรือไม่ ว่า ก็เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่ดีอยู่แล้ว และมีอีกหลายประเด็น ที่จะต้องมีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน และเก่าแก่ที่สุดในเอเชีย รวมถึงยังมีประเทศจีน ที่เป็นเพื่อนบ้าน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกัน เราจึงต้องวางความเหมาะสมให้พอดี ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับทราบว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดี

ส่วนเรื่องความร่วมมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายทักษิณ กล่าวว่า ไทยกับจีนร่วมมือกันอย่างดี และได้ขอร้องประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น เมียนมา เนื่องจากมีปัญหาการสู้รบ และแน่นอนว่า รายได้ส่วนหนึ่งในการสู้รบ ก็มาจากกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด ฉะนั้น หากไม่จัดการที่ต้นเหตุ ก็ไม่จบ ซึ่งแน่นอนว่า หากจัดการที่ต้นเหตุ ชุมชนในฝั่งเมียนมาต้องได้รับความเดือดร้อน หากสามารถผลักดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกจากเมียนมาได้ ไทยก็จะสามารถส่งไฟฟ้า และส่งสัญญาณโทรศัพท์ให้เหมือนเดิม

ส่วนในทางฝั่งประเทศกัมพูชา ขณะนี้มีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น โดยทราบแล้วว่า เจ้าของตึก 25 ชั้น ที่ปอยเปต เป็นของใคร และบุคคลนี้มีสัญชาติไทยด้วย เมื่อถึงเวลาจะถอนสัญชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น