ตาก - เผยยังมีเหยื่อชาวต่างชาติตกค้างเมียวดีใต้เงาขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ พนันออนไลน์ ฯลฯ อีกเพียบ การข่าวชี้เฉพาะจีนมีเป็นหมื่น ชาติอื่นรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ผบ.ฉก.ราชมนูเชื่อมาตรการรัฐบาลไทยตัดไฟ ตัดเน็ต งดส่งออกน้ำมัน ได้ผล บริษัทเล็กย้ายหนี รายใหญ่เริ่มโละคน
วันนี้ (12 ก.พ.) กรณีพลจัตวา ซอส่วย วะ รองผู้บัญชาการทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ นำกำลังพลในสังกัดส่งเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 260 คน ที่ท่าขนส่งสินค้า 28 บ้านช่องแคบ หมู่ 11 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ ซึ่ง พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ได้นำกำลังทหารจำนวนกว่า 100 นาย พร้อมรถบรรทุกรับส่งของทหารจำนวนกว่า 10 คัน ไปรอรับบริเวณท่าข้ามหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ ท่ามกลางสื่อมวลชนทัังไทย และต่างประเทศไปรอกันจำนวนมาก
ทางฝ่ายไทยใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการรับตัวเหยื่อ เนื่องจากในการประสานงานครั้งแรกจะมีการส่งตัวเหยื่อชาวต่างชาติเพียง 53 คน ต่อมาทางฝ่ายทหารกะเหรี่ยงแจ้งว่ามีเหยื่อเพิ่มขึ้นมาทั้งหมดจำนวน 261 คน ทำให้ขยายเวลาการส่งไปอีก ต่อมาฝ่ายทหารดีเคบีเอก็นำเหยื่อผู้เสียหายมาที่ท่าข้ามดังกล่าวส่งให้ทหารไทยจำนวน 260 คน ซึ่งล่าสุดนำมาส่งที่ที่ว่าการอำเภอพบพระ เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดแยก (เอ็นอาร์เอ็ม) ว่าเข้าข่ายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือลักลอบเข้าเมือง
โดยคนต่างชาติที่ทางเมียนมาและกองกำลังดีเคบีเอนำส่งมอบข้ามแดนทั้ง 260 ราย เป็นชาย 221 หญิง 39 ราย จาก 20 สัญชาติ เป็นฟิลิปปินส์ 16 ราย เคนยา 23 ราย แทนซาเนีย 1 ราย บราซิล 2 ราย เอธิโอเปีย 138 ราย ปากีสถาน 12 ราย บังกลาเทศ 2 ราย เนปาล 7 ราย กัมพูชา 1 ราย ศรีลังกา 1 ราย ยูกันดา 6 ราย ไต้หวัน 7 ราย ลาว 6 ราย อินโดนิเซีย 8 ราย บุรุนดี 2 ราย ไนจีเรีย 1 ราย กานา 1 ราย อินเดีย 1 ราย มาเลเซีย 15 ราย จีน 10 ราย
พ.อ.ณัฐกรกล่าวว่า การที่เหยื่อออกมาจำนวนมากแบบนี้มันบ่งบอกถึงมาตรการที่รัฐบาลไทยสั่งตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต งดส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามพรมแดนนี้ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ่อนแอลง บริษัทเล็กๆ ก็ย้ายหนี บริษัทใหญ่ก็ลดคน ส่งคนกลับโดยเฉพาะระดับปฏิบัติการออกมาแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ตามรายงานข่าวยังคงมีชาวต่างชาติที่ยังต้องอยู่ภายใต้ขบวนการเหล่านี้อีกจำนวนมาก เฉพาะจีนอาจจะมากนับหมื่นคน ชาติอื่นๆ อีกไม่น่าจะต่ำกว่า 5,000 คน ซึ่งหากทางการไทยยังคงมาตรการดังกล่าวต่อเนื่อง ขบวนการดังกล่าวก็จะยิ่งอ่อนกำลังลง ดังนั้นถ้าคงมาตรการนี้ไว้น่าจะได้ผลต่อไป