“นายกฯ อิ๊งค์” ชี้ สภาล่ม เป็นตัวอย่างความเห็นต่างได้ รับพรรคร่วม เห็นต่างแต่แรก ยันจุดยืน เพื่อไทย ไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ไม่ใส่ความก้าวร้าวยึดรักษาความสงบ ตาม ปชต.
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.35 น. ไปรษณีย์กลาง บางรัก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาล่ม ระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ว่า จะได้เห็นว่าภายใต้การนำนี้ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา คิดต่างกันได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาโจมตีพรรครัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคแกนนำ แต่กลับทำให้สภาล่ม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ ก็เป็นกลไกทางสภา เมื่อทั้งสองสภามีความคิดเห็นที่ต่างกัน จึงเป็นแบบนี้ หากเรื่องใดที่เห็นตรงกันก็จะไม่ออกมาเป็นแบบนี้
เมื่อถามว่า เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ต้องการที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ชัดเจนก่อนหรือไม่ เนื่องจากมี สส.บางส่วนไปลงชื่อสนับสนุนญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่า พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค อาจจะต้องส่งไปเป็นคำถาม เพื่อให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายที่สุด เพื่อที่จะได้ออกมาอย่างปกติ
เมื่อถามย้ำว่า ควรคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า คุยและเคยคุยกันก่อนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องคุยอีกครั้งเพื่อให้เป็นเอกภาพของพรรคร่วมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นข้อเสนอของแต่ละพรรคที่เสนอมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว และทราบอยู่แล้วว่าแต่ละพรรคเสนออย่างไร ก็ได้คุยกันก็นั่นแหละ มันคิดไม่เหมือนกัน แต่ละพรรคก็คิดไม่เหมือนกัน แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยแถลงต่อรัฐสภาจำเป็นจะต้องมีการปรับจูนให้มีความเห็นตรงกันหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หลายเรื่องมากๆ คิดตรงกัน แต่เมื่อเป็นรัฐบาลผสม ฉะนั้น จะเหมือนกัน 100 เปอร์เซ็นต์ คงไม่ได้ แต่เราก็เคารพสิทธิของความเข้าใจที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้น ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมรัฐบาล การบริหารอาจเห็นไปในแนวทางเดียวกันได้ แต่ในฝ่ายนิติบัญญัติเห็นต่างกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า ค่ะ ซึ่งเราก็ทราบอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยอาจถูกมองได้ว่าหน้าอย่างหลังอย่าง หาเสียงไว้อย่าง แต่พอเข้าสภาแล้วเป็นอีกแบบ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า โอว ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่าง เพราะเรายังยืนจุดยืนเดิม ไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 เหมือนเดิม คือ ต้องผลักดันไป แต่จะต้องใส่ความก้าวร้าว หรืออย่างไรไหม ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น การรักษาไว้ซึ่งความสงบ คุยกันด้วยเหตุผล แสดงจุดยืนทางประชาธิปไตย ของตัวเอง ก็แค่นี้