“อัครวัฒน์” แฉซ้ำมีโพยอยู่หลังใบ สว.3 ทั้ง 20 กลุ่ม ทำสำเร็จได้เงินเป็นแสน ยัน “แสวง” อนุญาตผู้สมัครพกโพยเข้าห้องได้ ย้ำหลักฐานทุกอย่างอยู่ที่ดีเอสไอแล้ว ยันไม่ต้องการให้เป็นโมฆะแต่ขอให้เอาคนผิดมาลงโทษ
วันนี้(3 มี.ค.) นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนกลุ่มสว.สำรอง กล่าวถึงกรณีที่การระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุญาตให้ผู้สมัครสว. นำโพยเข้าไปในวันเลือกได้ว่า เรื่องนี้มีโพยหลุดออกไปเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละกลุ่มที่ได้รับเอกสารมาก่อนที่จะเดินเข้าห้องเลือกที่เมืองทองธานี มีการเขียนไว้ที่ สว.3 และเขียนใส่กระดาษเพื่อให้ติดตัวไว้ และเมื่อมีการตรวจสอบ และประกาศว่าห้ามเอาเอกสารเข้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง ได้พบพฤติกรรมการอนุญาตให้นำโพยเข้าไปหน่วยเลือกตั้งได้โดยที่กกต. บอกว่าให้เอาเอกสารเข้าไปได้ ทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งสงสัยว่าถ้าปล่อยให้ขบวนการนี้เกิดขึ้น คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ในคืนวันเลือกตั้งไปร้องต่อกกต.แต่ไม่ได้เป็นผลอะไร จนการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงผู้ตรวจการเลือกตั้งจึงได้ไปแจ้งความต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ที่กกต.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องโพยกลับกลายเป็นว่าคณะกรรมการเป็นลูกน้องของผู้ที่ถูกร้อง คือนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ที่แต่งตั้งลูกน้องขึ้นมาให้ตรวจสอบตัวเอง จึงเป็นไปได้ยากที่จะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามผู้ร้องได้มีการให้ปากคำต่อดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่าแสดงว่านายแสวงให้เอาโพยเข้าไปใช่หรือไม่ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า จากที่ผู้ตรวจฯไปให้ปากคำต่อดีเอสไอ แจ้งว่านายแสวง เป็นคนอนุญาตให้เอาโพยเข้าไปได้ ซึ่งมีในใบสว.3 และกระดาษจะถูกเขียนด้วยโพยอยู่ด้านหลัง เป็นตารางทั้ง 20 กลุ่ม มีตัวเลขระบุให้เลือกตามช่อง ซึ่งเรามีหลักฐานเป็นสว.3 ที่ยึดมาได้ อยู่ที่ดีเอสไอจำนวนมาก
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ระบุว่า เขาให้เขียนโพยเข้าไปได้เพราะผู้สมัครอาจจะจำได้ไม่หมด นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาโพยเข้าไป เพราะเป็นการทุจริต แต่สว.3 ที่เขาแจกมาให้เพื่อทุกคนได้ศึกษาว่ากลุ่มต่างๆชอบใคร หากมีโอกาสได้ไขว้กันเราสมควรจะเลือกใคร ซึ่งคนที่เลือกก็ต้องเปิดดูประวัติในสว.3 แต่ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดคือการเขียนโพยเป็นร้อยๆโพย อยู่หลังสว.3 แล้วเลือกตรงกันทั้งหมดทั้งประเทศ
“ยกตัวอย่าง จากเอกสารตัวจริงที่อยู่ที่ดีเอสไอแล้ว ซึ่งเป็นการเขียนด้วยลายมือของแต่ละคนหลากหลาย ซึ่งเขาบอกว่าทุกคนต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง และมีเทรนเนอร์ไปสอนว่าต้องเขียนโพยอย่างไป และเมื่อเข้าไปสู่กระบวนการเลือกตั้งเขามีข้อกำหนดว่า ห้ามเปิดดูสว.3 เป็นอันขาด ถ้าใครเปิดดูสว.3 เขาจะหักเงิน จะไม่จ่ายเท่าที่ตกลงกันไว้ คือก่อนเดินทางมาจ่าย 2 หมื่นบาท ขากลับจากเมืองทองให้อีก 3 หมื่นบาท ถ้าได้เกิน 120 คน จ่ายให้อีกเป็นแสน ”นายอัครวัฒน์ กล่าว
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การที่ต้องยื่นให้มีการตรวจสอบการฮั้วเลือกตั้งสว.เพราะเห็นว่าเป็นขบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นขบวนการที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวิธีการคือการแข่งขันกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายจัดตั้ง ฝ่ายฮั้ว ฝ่ายบล็อคโหวต และอีกฝ่าย คือมาสมัครด้วยความบริสุทธิ์ ใสซื่อ เป็นอิสระ ทั้งนี้ พวกตนไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้การเลือกตั้งสว.เป็นโมฆะเพราะกฎหมายและระเบียบออกมาดีแล้ว แต่มีคนที่ใช้ช่องว่างเอาชนะด้วยเทคนิคต่างๆ เราจึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมนำผู้กระทำความผิดมารับโทษตามกฎหมายให้ได้ เพราะหลักฐานที่กกต.ไม่ยอมเปิด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วทั้งจากกล้องวงจรปิด กระบวนการจัดการเลือกตั้ง และทำไมผู้สมัครที่มาจากสายบล็อคโหวตหรือฮั้วต้องแต่งตัวแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่กกต. และคะแนนที่อยู่ในหีบเลือกตั้งไม่ว่าจะเช้าหรือบ่ายก็ตรงกับในโพย ซึ่งหลักฐานที่จะทำให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษได้คือการจ่ายเงินโอนเงิน เส้นทางการเงินเรามีหมด การพูดคุยทางโทรศัพท์ การนัดหมาย รวมถึงการเข้าไปพักในโรงแรมต่างๆในเขตปริมณฑลซึ่งถูกจัดขึ้นทั้งนั้น ซึ่งใช้คนเป็นจำนวนมากในการสอนให้ผู้เลือกแต่ละคนทำตามที่บอก ถือเป็นพยานหลักฐาน ที่จะมัดผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ได้
เมื่อถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าการตรวจสอบครั้งนี้ จะไม่ล้มทั้งกระดาษ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการฮั้วตั้งแต่ระดับอำเภอ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า เราคัดค้านที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ความผิดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นความผิดของขบวนการ ซึ่งมีการนี้ฮั้วกันมาตั้งแต่ยังไม่ประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีการวางแผนกันมาตั้งแต่เห็นรัฐธรรมนูญแล้ว ว่าจะทำอย่างไรจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีการรวบรวมกลุ่มและใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับอำเภอมา โดยมีการออกเงินให้ขนคนมาเลือกตั้งสว.มาจนถึงระดับจังหวัดและประเทศคือกระบวนการที่ต่อเนื่องกันมาจนได้สว.ตามโพยที่เขาวางไว้ ดังนั้น จะต้องหาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ สว.ที่ถูกยื่นให้สอบจริยธรรม อาทิ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร น.ส.อมร ศรีบุญนาค น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส นายเอนก วีระพจนานันท์ นายอภิชา เศรษฐวราธร นายชวภณ วัธนเวคิน นายชีวะภาพ ชีวะธรรม นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา นายอภิชาติ งามกมล นายพรเพิ่ม ทองศรี ซึ่งเป็นกลุ่ม สว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติต่อวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย