ศูนย์ข่าวภูเก็ต - งานเข้า “อ่าวตังเข็น” จ.ภูเก็ต แหล่งหากินหน้าทะเลของ “พะยูนอพยพ” พบน้ำมันสีแดง มีกลิ่นคล้ายน้ำมัน ถูกคลื่นซัดมาติดชายหาดอ่าวตังเข็น ล่าสุด หลายหน่วยงานช่วยกันเก็บ คาดมีประมาณ 200 ลิตร สุดงง! ลอยมาจากไหน
วันนี้ (3 มี.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Theerasak Saksritawee จิตอาสานักวิทยาศาสตร์เมือง ทำหน้าที่ในการติดตามสำรวจพะยูนอพยพในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้โพสต์คลิปภาพ พร้อมระบุข้อความ ว่า “งานเข้า นํ้ามันสีแดงที่อ่าวตังเข็น จ.ภูเก็ต (03/03/25) #thelastdugongofthailand” โดยในคลิปเป็นน้ำสีแดงถูกคลื่นซัดมาติดชายหาดอ่าวตังเข็น ซึ่งเป็นจุดที่มีพะยูนจำนวนมากว่ายน้ำมากินหญ้าทะเลในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับมีการระบุว่า น้ำสีแดงมีกลิ่นคล้ายน้ำมัน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าลอยมาจากที่ไหน หลังจากมีการโพสต์ข้อความและภาพออกไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก รวมทั้งถามหาความรับผิดชอบจากคนที่ทำให้น้ำสีแดงไหลลงทะเล
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ และ จิตอาสาลงพื้นที่จุดที่พบคราบน้ำสีแดง และ ช่วยกันเก็บคราบน้ำมันดังกล่าวออกจากชายหาด และเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขจัดคราบน้ำมันดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการหากินของพะยูนในอ่าวตังเข็น
ขณะที่ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ต (ศคท.จว.ภก.) ได้แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบพบคราบน้ำมันสีแดงซึ่งลอยอยู่ตามแนวชายฝั่ง ความยาวประมาณ 300 เมตร จากนั้นได้ประสาน ศูนย์ปฏิบัติการ ศรชล.ภาค 3 ในการทำ Oil Map เพื่อวิเคราะห์ที่มาของคราบน้ำมัน พร้อมประสานบริษัท ปตท. และบริษัทท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ขอรับการสนับสนุนเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ในการขจัดคราบน้ำมันในการแก้ปัญหาเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ ศคท.จว.ภก. และเจ้าหน้าที่เรือหลวงหัวหิน จำนวน 10 นาย ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยขจัดคราบน้ำมัน ขณะเดียวกัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะดำเนินการสำรวจผลกระทบที่ส่งผลต่อพะยูน เต่าทะเล หญ้าทะเลตอนน้ำลงต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าคราบน้ำมันที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะมีปริมาณ 200 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณไม่มาก และสามารถสลายตัวในน้ำทะเลได้ โดยใช้การฉีดพ่นน้ำยาเพื่อเร่งการสลายตัว และการจัดเก็บเพื่อลดปริมาณให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของ สนง.ทช.10 เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า บริเวณอ่าวตังเข็นมีพะยูนอาศัยอยู่ประมาณ 6 ตัว เต่าทะเล 6 ตัว มีหญ้าทะเลจำนวนหนึ่งที่ยังสมบูรณ์ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งทำการกำจัดคราบน้ำมันอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อพะยูน เต่าทะเล และหญ้าทะเล