xs
xsm
sm
md
lg

สนธิแฉหมอไห่ขาดคุณสมบัติประธาน กสทช. นายกฯ รู้แต่เงียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรีรับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157

"ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด" นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ แฉกลางรายการ SONDHI TALK เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 ถึงกรณี ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง และที่สำคัญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับรู้ แต่กลับไม่กราบบังคมทูลฯ ดำเนินการตามกฎหมาย

◉ เส้นทางกังขาจากหมอหัวใจ สู่ประธาน กสทช.

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ เป็นแพทย์โรคหัวใจมาเกือบตลอดชีวิต สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มีชื่อเสียงจากการเป็นแพทย์ส่วนตัวให้บุคคลสำคัญในวงการเมืองและกองทัพ รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีและนายทหารระดับสูง เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ตลอดเส้นทางอาชีพของเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหรือสื่อสารมาก่อน ทำให้การได้รับเลือกให้เป็นประธาน กสทช. ถูกตั้งคำถามอย่างหนัก เหตุใดแพทย์โรคหัวใจที่ไม่มีพื้นฐานด้านโทรคมนาคม กลับได้รับเลือกให้กุมอำนาจสูงสุดในองค์กร ที่กำกับดูแลอุตสาหกรรมสื่อสารที่มีมูลค่ามหาศาล

◉ หลักฐานชัด! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติจริง

การตรวจสอบคุณสมบัติของศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ เริ่มเป็นที่จับตามองอย่างหนัก หลังจาก ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการ กสทช. ร้องเรียนต่อประธานวุฒิสภาให้ตรวจสอบว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ยังดำรงตำแหน่งพนักงานของรัฐ ในช่วงเวลาที่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธาน กสทช. ซึ่งขัดต่อกฎหมาย โดยคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคมของวุฒิสภา สรุปชัดเจนว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ขาดคุณสมบัติ

โดยเอกสารจากมหาวิทยาลัยมหิดล ยืนยันว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ เป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยในช่วงที่ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการ กสทช. อีกทั้งข้อมูลจากแบบ ภ.ง.ด.90 ซึ่งเป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงปี 2564-66 พบว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ยังคงได้รับรายได้จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงบริษัทเอกชน เช่น บริษัท เมอร์ค จำกัด ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ระดับโลก แม้จะดำรงตำแหน่ง ประธาน กสทช. ที่ได้รับเงินจากตำแหน่งเดือนละ 361,000 บาท (ไม่นับรวมเบี้ยประชุมและผลประโยชน์อื่นๆ) สูงกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2-3 เท่า ซึ่งขัดต่อมาตรา 8 มาตรา 18 และมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่อย่างชัดเจน

ปมตั้งเลขาธิการ-จุดเดือดใน กสทช.

ส่วนปมขัดแย้งถึงขั้น ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ ต้องร้องเรียนต่อประธานวุฒิสภา ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ก็เพราะ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ไม่ยอมลงนามแต่งตั้ง ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ เป็นรักษาการเลขาธิการ กสทช. แทนนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ซึ่งถูกมติที่ประชุม กสทช. ปลดออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 23 ม.ค.66 เนื่องจากข้อกังขาที่ นายไตรรัตน์ อนุมัติเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) จำนวน 600 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กลับพยายามรักษาตำแหน่งของนายไตรรัตน์ไว้ โดยอ้างว่า อำนาจในการแต่งตั้งรักษาการเลขาธิการ กสทช. เป็นของประธาน กสทช. เท่านั้น ส่งผลให้ นายไตรรัตน์ ยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ซึ่งจะครบ 5 ปี ในเดือน เม.ย.68

ที่น่าสังเกต คือ ทำไมไม่อัปเลเวล นายไตรรัตน์ เป็นเลขาธิการ กสทช. ตัวจริง? เพราะตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. ไม่จำเป็นต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน และผ่านการประเมินผลงาน แตกต่างจากเลขาธิการ กสทช. ที่ต้องเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินอย่างละเอียด และถูกตรวจสอบตามมาตรฐานอย่างเข้มงวด

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ที่จะรักษาโครงข่ายอำนาจภายใน กสทช. ไว้ โดยมีนายไตรรัตน์เป็นหนึ่งในบุคคลที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นผู้สนับสนุนการแต่งตั้งศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ขึ้นเป็นประธาน กสทช.

นายกฯ รับรู้ แต่ยังเพิกเฉย เสี่ยงผิดหลายกระทง

ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด คือ น.ส.แพทองธาร ทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่ดำเนินการนำเรื่องกราบบังคมทูลฯ เพื่อให้ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา และที่สำคัญอาจมีการพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 อีกด้วย

ด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ เคยเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แกนนำ คสช. และได้รับการผลักดันเข้าสู่ตำแหน่งประธาน กสทช. ในยุคที่กลุ่ม 3 ป. มีอำนาจเต็มที่ แต่เมื่ออำนาจของ พล.อ.ประวิตร เริ่มถดถอย ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กลับมีความแนบแน่นกับกลุ่มนายทักษิณ ชินวัตร ผ่านสายสัมพันธ์กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และยังดึง นายพชร นริพทะพันธุ์ ลูกชายนายพิชัย เข้ามาเป็นที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. ด้วยค่าตอบแทนระดับแสนบาทต่อเดือน

นี่อาจเป็นคำตอบว่า เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงยังนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ทราบว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ขาดคุณสมบัติ




กำลังโหลดความคิดเห็น